เดินทางฝ่าฟันจนกำลังจะผ่านพ้นขวบปี 2024 ต้องบอกว่า วงการกีฬาไทย มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย และในโอกาสนี้ ทีมข่าวกีฬาแนวหน้า ขอรวบรวมเรื่องราวต่างๆมาให้แฟนๆได้ย้อนถึงวันวานว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไปดูกันได้เลย

● ‘เทนนิส’ พาณิภัค ก้าวสู่ตำนานนักกีฬา

หนึ่งในโมเมนต์ที่สร้างความประทับใจให้แฟนกีฬาชาวไทยมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่สร้างประวัติศาสตร์ คว้าเหรียญทองโอลิมปิก ปารีสเกมส์ 2024 ด้วยการเอาชนะ กั๊ว จิง คู่ปรับเก่าจากจีน 2-1

นับเป็นเหรียญทองสมัยที่ 2 ติดต่อกัน และยังเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่คว้าเหรียญโอลิมปิก 3 สมัยติดต่อกัน ได้แก่ เหรียญทองแดง ริโอเกมส์ 2016, เหรียญทองโตเกียวเกมส์ 2020 และ ปารีสเกมส์ 2024

ถึงแม้ว่าเวลานี้ “น้องเทนนิส” ในวัย 27 ปี จะประกาศอำลาทีมชาติ พร้อมกับเปิด กิจการส่วนตัวอย่าง Panipak Taekwondo Gym และกำลังจะมีข่าวดีแต่งงานกับ “จูเนียร์” รามณรงค์ เสวกวิหารี แฟนหนุ่ม อดีตนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ไปแล้ว

แต่สิ่งที่เธอทำเอาไว้จะเป็นตำนานของวงการกีฬาไทยและเทควันโดโลกไปตลอดกาลแน่นอน

● เหรียญเงินประวัตศาสตร์ของ ‘วิว’ กุลวุฒิ

บีบหัวใจในทุกนัดที่ลงแข่งขัน คือคำกล่าวไม่เกินจริง สำหรับใครก็ตามที่ได้เชียร์ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นัดแบดมินตันทีมชาติไทย ในโอลิมปิกเกมส์ที่ ปารีสเกมส์ เมื่อฝ่าฝันรอบแบ่งกลุ่ม เข้ามารอบน็อกเอาท์ 8 คนสุดท้าย ก่อนจะโค่นมือ 1 ของโลกอย่าง ฉือ หยู่ฉี จากจีน ไปได้ 2-0

กระทั่งรอบรองก็เอาชนะเพื่อนซี้อย่าง หลี่ ซีเจีย จากมาเลเซีย เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ซึ่งแม้ว่าสุดท้ายแล้ว “เจ้าวิว” จะไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของ วิกเตอร์ แอ็กเซลเซน ขนไก่เดนมาร์กได้ แต่การคว้าเหรียญเงินในครั้งนี้ก็ทำให้เขา กลายเป็นนักแบดมินตันไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าเหรียญเงินมาครอง มาให้ประเทศไทยได้สำเร็จ ซึ่งเป็นเหรียญโอลิมปิกเหรียญแรกจากกีฬาขนไก่ไทยด้วย

แน่นอนว่าฝันของ “วิว” กุลวุฒิ ยังคงไม่หยุดเพียงเท่านี้ และแฟนกีฬาชาวไทยทุกคนจะคอยส่งแรงเชียร์แรงใจให้เขาได้ถึงฝั่ง “เหรียญทอง” ที่ตั้งใจใน โอลิมปิก 2026 ให้ได้

● ยกน้ำหนักไทยกับผลงานสุดเซอร์ไพรส์

หลังจากที่ สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย โดนแบนยาวรวม 3 ปี และไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทำให้เรียกได้ว่าก่อนแข่งโอลิมปิกเกมส์หนนี้ แทบไม่มีใครคาดหวังกับผลงานของทัพ จอมพลังไทย เลย เนื่องจากทีมชุดนี้นั้นเต็มไปด้วยดาวรุ่งเพื่อรอสั่งสมประสบการณ์มากกว่า

แต่ปรากฏว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นเมื่อ นักกีฬาไทย ทุกคนต่างระเบิดฟอร์มสุดเซอร์ไพรส์ออกมา ก่อนจะคว้าไปได้ถึง 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง โดย 2 เหรียญเงิน มาจาก “ฟ่าง” ธีรพงศ์ ศิลาชัย รุ่น 61 กิโลกรัมชาย และ “เวฟ” วีรพล วิชุมา รุ่น 73 กิโลกรัมชาย ส่วนอีก 1 เหรียญทองแดง จาก “ออย” สุรจนา คำเบ้า รุ่น 49 กิโลกรัมหญิง

จากผลงานที่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้ในอีก 4 ปีข้างหน้าที สหรัฐอเมริกา เชื่อว่าเราจะได้ลุ้นกับผลงานที่ยอดเยี่ยมของทัพ จอมพลังไทย อีกครั้งอย่างแน่นอน

● โปรสาวไทยกระหึ่มโลก

ในรอบปีที่ผ่านมาต้องบอกว่า ผลงานของทัพ โปรกอล์ฟสาวไทย นั้นทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากมาย โดยเฉพาะใน LPGA Tour นั้นคว้าแชมป์รวมถึง 6 รายการมากที่สุดของโปรกอล์ฟไทยที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้ 5 รายการ เมื่อปี 2016

โดยหนึ่งในโปรกอล์ฟไทย ที่สร้างชื่อมากที่สุดในปีนี้คงจะหนีไม่พ้น “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล มือ 7 ของโลก ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์เป็น
นักกอล์ฟไทยคนที่ 2 ที่คว้าแชมป์รายการใหญ่ส่งท้ายปีของ LPGA Tour ในรายการ “ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ” ต่อจาก “โปรเม” เอรียา เมื่อปี 2017 พร้อมรับเงินรางวัลสูงถึง 138 ล้านบาท และทำให้ในปีนี้เธอ ทำรายได้รวมไปกว่า 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 200 ล้านบาท) เลยทีเดียว

ส่วนอีก 1 โปรสาวไทยที่ทำผลงานยอดเยี่ยมเช่นกันก็คือ “โปรแพตตี้” ปภังกร ธวัชธนกิจ วัย 25 ปี ที่ปัจจุบันทำผลงานติดอยู่อันดับ 26 ของโลก หลังคว้าแชมป์กอล์ฟ Honda LPGA Thailand 2024 ซึ่งถือเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 2 ที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ ต่อจาก “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล ที่ทำได้เมื่อปี 2021

● ‘มาดามแป้ง’ นายกหญิงคนแรกลูกหนังไทย

เป็นอีกครั้งที่วงการฟุตบอลไทย ได้มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ก้าวลงจากตำแหน่งหลังหมดวาระ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่่านมา

แน่นอนว่าตัวเต็งอย่าง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ อดีตผู้จัดการฟุตบอลชายทีมชาติไทย ได้รับคะแนนเสียงโหวตอย่างท้วมท้นถึง 68 คะแนน และกลายเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย คนที่ 18 พร้อมกับเป็นนายกหญิงคนแรกของไทยด้วย

แม้ผลงานในรอบปีที่ผ่านมา “มาดามแป้ง” อาจจะเจอเสียงวิจารณ์บ้างในบางครั้ง แต่หลายคนก็ชื่นชมถึงความทุ่มเทและมุ่งมั่นของเธอที่พร้อมจะพาวงการฟุตบอลไทยให้ ก้าวพ้นจากวิกฤตให้ได้

● ทัพ ‘ช้างศึก’ อกหักคัดบอลโลก

อาจจะเป็นหนึ่งในปีทีต้องบอกว่าเสียดายสุดๆสำหรับฟุตบอลทีมชาติไทย เมื่อพลาดโอกาสผ่านเข้ารอบ 3 ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกไปแบบเจ็บปวดเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา หลังเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย แม้ทัพ “ช้างศึก” จะเอาชนะ สิงคโปร์ 3-1 แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
เพราะ เฮด ทู เฮด เป็นรองจีน และต้องหยุดความฝันเอาไว้เพียงรอบนี้

จากการตกรอบหนนี้ทำให้เหมือนเป็นการผลัดใบไปในตัว เพราะแข้งตัวเก๋าที่รับใช้ชาติมายาวนานทั้งธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น, ธีรศิลป์ แดงดา หรือแม้กระทั่ง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่แม้จะยังไม่ประกาศเลิกเล่นให้ “ช้างศึก” แต่ก็ไม่ถูก มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่น เรียกมาติดทีมอีกเลยหลังจากนั้น เนื่องจากพวกเขาพร้อมเปิดทางให้น้องๆรุ่นใหม่ก้าวขึ้นมาแทน เพื่อความหวังกับการจะได้เห็นทีมชาติไทย ไปฟุตบอลโลกในปี 2030 ต่อไป

● สายสุนีย์ สร้างประวัติศาสตร์พาราลิมปิก

“แวว” สายสุนีย์ จ๊ะนะ ยอดนักกีฬาฟันดาบทีมชาติไทย เจ้าของฉายา “ราชินีฟันดาบ” ยังคงโชว์ความยอดเยี่ยมหลังจบผลงานในศึก พารมลิมปิกเกมส์ ที่ฝรั่งเศส ด้วยการคว้า 3 เหรียญทอง วีลแชร์ฟันดาบหญิง ประเภท เซเบอร์, ฟอยล์ และ เอเป้ บวกด้วย 1 ทองแดง เอเป้ ทีมหญิง สร้างประวัติศาสตร์ กลายเป็นคนแรกของโลก ที่กวาด 3 เหรียญทองฟันดาบบุคคลหญิงในพาราลิมปิกครั้งเดียว และยังถือว่าเป็นนักกีฬาชาวไทยที่คว้าเหรียญทองได้มากที่สุดในครั้งนี้

ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา สายสุนีย์ ในวัย 50 ปี เข้าร่วมแข่งขันพาราลิมปิกรวมแล้ว 6 สมัย ตั้งแต่ปี 2004 ที่กรุงเอเธนส์ อย่างไรก็ตาม เธอยืนยันแล้วว่า นี่จะไม่ใช่การแข่งขันพาราลิมปิกครั้งสุดท้ายของเธอ เพราะยังมีไฟที่พร้อมจะสู้ในครั้งหน้าและคว้าเหรียญทองให้ทัพนักกีฬาไทยต่อไป