ตลอดปี 2024 ที่ผ่านมา ในวงการลูกหนังของต่างประเทศมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย ในวันนี้ทีมข่าวกีฬาแนวหน้าได้รวบรวมมาให้ท่านผู้อ่านได้ย้อนความทรงจำกลับไปว่ามีอะไรบ้างก่อนที่จะเข้าสู่ปีหน้าฟ้าใหม่
l คล็อปป์ อำลาหงส์ ปิดฉาก 9 ปี
นี่คือหนึ่งในการอำลาทีมที่ช็อคแฟนบอลมากที่สุดก็ว่าได้เมื่อในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอดกุนซือของ ลิเวอร์พูล ประกาศอำลาทัพ “หงส์แดง” หลังจบฤดูกาลแบบที่เรียกได้ว่าไม่มีข่าวเล็ดลอดออกมาก่อนหน้านั้น ซึ่งแม้ท้ายที่สุดแล้วกุนซือเฮฟวีเมทัล จะไม่สามารถพาทีมจบซีซั่นด้วยตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกตามที่ต้องการได้ แต่ผลงานอันยิ่งใหญ่ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในรอบ 30 ปีหรือการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จะคงอยู่ในใจ “เดอะ ค็อป”ไปตลอดกาล
อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ที่ประกาศพักเบรกจากการเป็นกุนซือ ก็ได้ผันตัวเข้ารับตำแหน่งตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายฟุตบอลระดับ AFP/INA FASSBENDER กับทาง เรดบูลส์ โดยจะเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2025 เป็นต้นไป โดยตำแหน่งดังกล่าวจะมอบหมายให้ ยอดกุนซือชาวเยอรมัน รับผิดชอบดูแลเครือข่ายทีมฟุตบอลของ เรดบูลล์ ทั้งหมด ซึ่ง คล็อปป์ จะให้คำปรึกษากับแต่ละสโมสรในเรื่องโค้ช, ปรัชญาการเล่น, การพัฒนานักเตะและเฮดโค้ช รวมไปถึงการซื้อขาย ให้กับทีมในเครือข่าย เช่นแอร์เบไลป์ซิก, ซัลซ์บวร์ก และ นิวยอร์ก เรดบูลส์
l แมนฯ ซิตี้ ทีมแรกแชมป์ 4 สมัยติด-ก่อนดิ่งเหวแบบเหลือเชื่อ
ทัพ “เรือใบสีฟ้า” สร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน ด้วยการกลายเป็นทีมแรกใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่คว้าแชมป์ได้ 4 สมัยติดต่อกัน ซึ่งการลุ้นแชมป์ฤดูกาลที่แล้วต้องบอกว่า ขับเคี่ยวกับ อาร์เซน่อล ไปจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล และทำให้เวลานี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นำทัพ “เรือใบสีฟ้า” คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 6 จาก 7 ฤดูกาลหลังสุดด้วย
อย่างไรก็ดี ผลงานในฤดูกาลนี้ของทัพ “เรือใบสีฟ้า” กลับดิ่งลงเหวแบบไม่น่าเชื่อ หลังต้องเผชิญหน้ากับปัญหาแข้งระดับห้องเครื่องของทีมอย่าง โรดรี้ ได้รับบาดเจ็บพักยาว ทำให้ทีมต้องพ่ายถึง 9 จาก 12 นัด จนถึงเวลานี้พวกเขาร่วงมาอยู่อันดับ 7 ของตารางบอลลีกไปแล้ว
นอกจากนั้น ยังมีประเด็นสำคัญในเรื่องคดีเกี่ยวกับการละเมิดกฎทางการเงินทั้งหมด 115 ข้อหา ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่
ที่ ซิตี้ ต้องลุ้นระทึกว่าสุดท้ายแล้วจะโดนลงโทษหรือไม่ นั่นทำให้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ “เรือใบสีฟ้า” ลำนี้จะกลับเข้าฝั่งได้อีกครั้ง
l เลเวอร์คูเซ่น สุดยอดแชมป์ไร้พ่าย
หนึ่งในการคว้าแชมป์ที่จะต้องถูกจารึกไปตลอดกาลเกิดขึ้นกับ “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ภายใต้การคุมทัพของ ชาบี อลอนโซ่ เมื่อฤดูกาลก่อน ซึ่งก่อนที่กุนซือ “เท้าชั่งทอง”จะเข้ามารับงานเมื่อปี 2022 สถานการณ์ของทัพ “ห้างขายยา” ตอนนั้นอยู่ที่ 2 จากท้ายตาราง
อลอนโซ่ ใช้เวลาเพียง 18 เดือน บ่มเพาะให้ เลเวอร์คูเซ่นเล่นได้ในสไตล์ที่เขาต้องการ ก่อนที่ในฤดูกาลที่แล้ว เขาจะพาทีมโค่น “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ที่เป็นแชมป์มา 11 ฤดูกาลติดต่อกันผงาดคว้าแชมป์สมัยบุนเดสลีกา สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และที่สำคัญคือการพาทีมจบด้วยการเป็นแชมป์แบบไร้พ่ายเป็นทีมแรกในลีกเมืองเบียร์ด้วย จากผลงานชนะ 28 นัด เสมอ 6 นัด จากทั้งหมด 34 เกม
l สเปน เจ้ายุโรป และการแจ้งเกิดของ ยามาล
ทัพ “กระทิงดุ” ภายใต้การคุมทัพของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ไม่ได้เป็นเต็งแชมป์เหมือนที่เคย ในการสู้ศึก ยูโร 2024เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ด้วยเพราะทีมชุดนี้ไม่ได้เต็มไปด้วยแข้งซูเปอร์สตาร์ และมีเพียงดาวรุ่งที่น่าจับตาเท่านั้น
แต่แล้วผลงานที่เกิดขึ้นก็ลบเสียงวิจารณ์ได้แบบเงียบสนิทเมื่อทัพ “กระทิงดุ” โชว์ฟอร์มได้อย่างสมบูรณ์ด้วยการสร้างสถิติเก็บชัยชนะได้ครบหมด 7 แมทช์ แถมยังเสียแค่ 4 ประตูพร้อมกับตะบันไปถึง 15 ประตู ก่อนที่จะเอาชนะเต็งหนึ่งอย่าง “สิงโตคำราม” ทีมชาติ อังกฤษ 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศพร้อมกลายเป็นชาติแรกที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ยูโร
ได้ถึง 4 สมัย
นอกจากนั้น ในทัวร์นาเมนท์นี้ก็ได้แจ้งเกิดสุดยอดแข้งดาวรุ่ง ที่ว่ากันเป็น “นิวเมสซี่” คนใหม่แห่งวงการลูกหนังอย่าง
ลามีน ยามาล แนวรุกดาวรุ่งวัย 16 ปี (ในเวลานั้น) จาก บาร์เซโลน่า ที่ทำผลงานยิง 1 ประตูสุดสวยช่วยทีมโค่น ฝรั่งเศส พร้อมกับทำ 4 แอสซิสต์ ตลอดทัวร์นาเมนต์ จนคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมไปครอง พร้อมกับการก้าวขึ้นมาเป็นแข้งระดับซูเปอร์สตาร์เต็มตัวในเวลานี้
l แฮร์รี่ เคน กับอาถรรพ์ไร้แชมป์
เคน ที่ตัดสินใจอำลาทีมรักอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ไปค้าแข้งกับทีมแชมป์บุนเดสลีกา 11 สมัยซ้อน อย่าง บาเยิร์น มิวนิคและดาวยิงทีมชาติอังกฤษก็ยังรักษาฟอร์มสุดยอดของตัวเองไว้ได้ด้วยการซัดไปถึง 44 ประตู จาก 45 นัด ในทุกรายการ คว้าดาวซัลโวของทวีปยุโรปไปครอง
แต่นอกจากฟอร์มการยิงประตูอันสุดยอดแล้ว อาถรรพ์ไร้แชมป์ของ เคน กลับดันตามมาด้วย เพราะนี่คือเป็นฤดูกาลแรก
ในรอบ 11 ปีที่ บาเยิร์น ชวดแชมป์ลีก และเสียแชมป์ให้ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น นอกจากนั้นกับในระดับทีมชาติ เคนยังต้องอกหักซ้ำซ้อนจากการช่วยทัพ “สิงโตคำราม” เข้าชิงบอล ยูโร เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน แต่กลับต้องพ่ายให้ สเปน ในรอบชิงไปเสียอีก
แน่นอนว่าฟ้าวันนี้ยังไม่เป็นใจให้เขาคว้าแชมป์ แต่หาก เคน ยังยิงประตูได้ถล่มทลายเช่นนี้ ฝันของเขาจะเป็นจริงในสักวัน
แน่นอน
l เมสซี่ สานต่อความสำเร็จกับ ‘ฟ้า-ขาว’
ในวันที่ใครต่อใครต่างบอกว่า ลีโอเนล เมสซี่ นั้นถึงช่วงโรยราแล้ว หลังประสบความสำเร็จเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกมาครอง ก่อนที่จะอำลาลีกยุโรป ไปเล่นบอลแบบสบายใจกับ อินเตอร์ ไมอามี่ ในเมเจอร์ลีกซ็อคเกอร์
โอเคล่ะมันก็เป็นเช่นนั้น ที่เราได้เห็นเมสซี่ ในโหมดที่สบายขึ้นจริงๆ กับการเล่นในลีกที่ไม่ต้องเจอความกดดันเหมือนในยุโรป แต่กับทัพ “ฟ้าขาว” นั้น ยังไม่เป็นเช่นนั้น เพราะในศึก โคปา อมเริกา เมื่อกลางปีดาวเตะวัย 37 ปียังคงสวมปลอกแขนกัปตันทีมนำทัพจนช่วย อาร์เจนตินา ผงาดคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ และนับเป็นแชมป์สมัยที่ 16 ของพวกเขาด้วย
น่าสนใจเหลือเกินว่าใน ฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐอเมริกา เราอาจจะได้เห็นเมสซี่ ที่ยังไม่แขวนสตั๊ด จะสวมเสื้อ “ฟ้า-ขาว” ลงป้องกันแชมป์โลกซักครั้ง
l ปิดมหากาพย์ เอ็มบัปเป้ ซบราชัน
เอ็มบัปเป้ นั้นเคยเกือบจะย้ายมาเล่นให้ เรอัล มาดริด ตั้งแต่ปี 2022 หลังตอนนั้นเขาหมดสัญญากับ ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง และตกลงปากเปล่ากับ ฟลอเรติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร “ราชันชุดขาว” ไปแล้วว่าจะย้ายมาเล่นด้วย ก่อนที่สุดท้ายจะคดีพลิกเมื่อเขาเลือกต่อสัญญากับทีมต่อไปด้วยค่าเหนื่อยสถิติโลก 1.3 ล้านยูโรต่อสัปดาห์
กระทั่งเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา หนึ่งในดีลการย้ายทีมที่แฟนบอล “ราชันชุดขาว” รอคอยกันมานาน ก็เกิดขึ้นจริงจนได้ ดาวยิงกัปตันทีมชาติฝรั่งเศส ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับ ปารีส- แซงต์ แชร์กแมง ก่อนจะย้ายมาร่วมทัพ “ราชันชุดขาว” แบบไร้ค่าตัว พร้อมเซ็นสัญญายาว5 ปี ท่ามกลางดราม่านอกสนามระหว่างตัวเขากับ นาเซอร์ อัลเคไลฟี่ ประธานสโมสร เปแอสเช จะมีเรื่องฟ้องร้องกันจนถึงปัจจุบัน
ส่วนเรื่องในสนามเวลานี้ เอ็มบัปเป้ นั้นยังคงต้องปรับตัวกับเพื่อนร่วมทีม รวมไปถึงลีกใหม่อย่าง ลาลีกา สเปน อยู่ไม่น้อย แต่เจ้าตัวก็ยังซัดไปแล้วถึง 10 ประตูในลีก พร้อมช่วยทีมขึ้นมาเป็นรองจ่าฝูงในเวลานี้
l ดราม่า บัลลงดอร์
หนึ่งในงานประกาศรางวัล บัลลงดอร์ ที่น่าจะมีประเด็นดราม่ามากที่สุด หลังจากที่ ลูกบอลทองคำ ในปีนี้ตกเป็นของ
โรดรี้ ห้องเครื่อง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติสเปน ผู้เป็นคีย์แมนคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก และแชมป์ ยูโร 2024
โดยประเด็นสำคัญคือนับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาสื่อแทบทุกสำคัญนั้นฟันธงตรงกันว่า วินิซิอุส แนวรุกของเรอัล มาดริด นั้นคือผู้ที่เหมาะสมจะคว้ารางวัลมากที่สุดจากผลงานเป็นคีย์แมนของทัพ “ราชันชุดขาว” คว้าแชมป์ ลาลีกาสเปน และเป็นผู้ยิงประตูช่วยทีมในเกมรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
กระทั่งก่อนวันประกาศเพียง 1 วัน เรอัล มาดริด ได้ตัดสินใจไม่ส่งใครมารับรางวัลนี้แม้แต่คนเดียว หลังได้รู้ว่า วินิซิอุสจะไม่ได้รับรางวัลนี้ ซึ่งสโมสรให้เหตุผลว่าไม่พอใจในเกณฑ์ตัดสิน และมองว่าผู้จัดไม่ให้เกียรติกับทีม เพราะสโมสรมองว่าหาก
วินิซิอุส ไม่ได้เป็นผู้ชนะ รางวัลนี้ก็ควรจะตกเป็นของ ดานี่การ์บาฆาล ที่ประสบความสำเร็จไม่น้อยไปกว่า โรดรี้ ทั้งในนามสโมสรและทีมชาติสเปนมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้หลายฝ่ายมองว่า เรอัล มาดริด ทำไม่ถูกเช่นกัน เพราะด้วยความที่ทัพ “ราชันชุดขาว” นั้นมีแข้ง
ที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นหลายราย เพราะนอกจาก วินิซิอุส แล้วก็ยังมี จู๊ด เบลลิ่งแฮม หรือ ดานี่ การ์บาฆาล ด้วยทำให้คะแนนโหวตนั้นถูกคละไปจนทำให้ ดาวเตะแซมบ้า ชวดรางวัล มากกว่าที่จะเป็นเรื่องการเมืองนอกสนามอย่างที่กล่าวหาผู้จัดงาน
บัลลงดอร์