"ราชาสตั๊ดเหินหาว" เดนิส ลอว์ หรือ The King of the Stretford End เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 84 ปี
’พี่ยอดทอง‘นักเขียนระดับตำนาน เพื่อนรัก “พี่ ย.โย่ง” ตั้งฉายานี้บอกว่า ระหว่างที่ตั้งฉายากำลังบ้าภาพยนตร์จีนกำลังภายใน จึงมีส่วนสำคัญในการตั้งฉายาให้กับ ลอว์!!!!!
เขายิงไป 237 ประตูให้กับปีศาจแดง มีเพียงเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และเวย์น รูนี่ย์ ที่ยิงได้มากกว่า
เป็นผู้ยิงประตูใส่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในยุคเขาไปอยู่กับซิตี้และทำให้ยูไนเต็ดตกชั้น
เป็นผู้เล่นชาวสก็อตเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ ได้รับฉายาว่า 'เดอะคิง' และ 'เดอะลอว์แมน' ใช้เวลา 11 ปีที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยยิงได้ 237 ประตูจากการลงเล่น 404 นัด เป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ของยูไนเต็ด ตามหลังแค่ เวย์น รูนี่ย์และบ็อบบี้ ชาร์ลตัน
ลอว์ เกิดในอเบอร์ดีน เริ่มต้นอาชีพของเขากับฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ และเคยเล่นในอิตาลีกับโตริโน่ และติดทีมชาติ 55 นัด ทำได้ 30 ประตูทำให้เขากลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติสกอตแลนด์
เขาถูกขายในราคาสถิติอังกฤษถึง 3 ครั้ง 3 คราในอาชีพของเขา
ในปี 2021 ลอว์ ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมจากหลอดเลือด
เมื่อ ลอว์อายุได้ 15 ปี เขาเซ็นสัญญากับฮัดเดอร์สฟิลด์ และย้ายไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในอีก 4 ปีต่อมาในปี 1960 ด้วยค่าตัว 55,000 ปอนด์
หนึ่งปีต่อมาเขาย้ายไปโตริโน่ด้วยค่าตัว 110,000 ปอนด์ แต่เขาพบว่ามันยากที่จะตั้งหลักพักถิ่นในอิตาลีและกลับอังกฤษ ด้วยการย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วยค่าตัว 115,000 ปอนด์ในปี 1962ก่อนที่จะยุติอาชีพค้าแข้งกับซิตี้ในปี 1974
ลอว์ เป็นส่วนหนึ่งของทีมยูไนเต็ดที่กลายเป็นทีมแรกจากอังกฤษ ที่ได้ชูถ้วยยุโรเปียนคัพ ปี 1968 แม้ว่าเขาจะพลาดรอบชิงชนะเลิศ ในชัยชนะเหนือเบนฟิก้า 4-1 เนื่องจากอาการบาดเจ็บ โดยเฝ้าดูเกมจากเตียงในโรงพยาบาล
นอกจากนี้เขายังคว้าแชมป์เอฟเอคัพ 1 สมัย และเหรียญแชมป์ลีกอังกฤษ 2 เหรียญกับยูไนเต็ด และยังช่วยให้สกอตแลนด์คว้าแชมป์บริติช โฮม แชมเปียนชิพ ถึง 6 ครั้ง
11 ประตูของเขาจากการลงสนาม 7 นัดในสกอตแลนด์ระหว่างปี 1963 เช่นเดียวกับการทำประตูใส่ อังกฤษ ช่วยให้เขาได้รับบัลลงดอร์ปี 1964 ซึ่งในเวลานั้นเป็นรางวัลที่มอบให้กับ นักฟุตบอลที่ดีที่สุดในยุโรป
หลังจากเลิกเล่นฟุตบอล ลอว์ก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโทรทัศน์, ผู้อุปถัมภ์ Football Aid ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลในสหราชอาณาจักร และก่อตั้ง Denis Law Legacy Trust ซึ่งดำเนินโครงการและกิจกรรมต่างๆ ที่เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและการขยายการมีส่วนร่วมด้านกีฬา
เขาได้รับเครื่องราชย์ระดับ CBE ในปี 2016 จากการอุทิศตนกับฟุตบอลและการกุศล, ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยอเบอร์ดีน เซนต์ แอนดรูว์
สำคัญก็คือมีรูปปั้นที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เขาที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ดและอเบอร์ดีน และได้รับอิสรภาพแห่งเมืองอเบอร์ดีน
ลอว์ มีภาพจำอันยิ่งใหญ่กับ ยูไเน๖้ด แต่ “ภาพใหญ่”อีกภาพต่างหากที่เหลือเชื่อ
ในเกมสุดท้ายของ ซิตี้ ฤดูกาล 1973–74 แข่งกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ประตูเดียวที่เกิดขึ้นในเกมนั้น มาจากการ “ตอกลูกส้น”
ประตูนั้นเกิดขึ้นในนาทีที่ 81 จาก ลอว์ เป็นผู้ทำให้ ซิตี้ ขึ้นนำ 1–0
ลอว์ ไม่ได้ฉลองประตูดังกล่าว เขาก้มหน้าเดินกลับมา และเมื่อกอปรกับผลการแข่งขันนัดอื่นๆ ของวันนั้น
หมายความว่า ยูไนเต็ด ตกชั้นจากลีกสูงสุด!!!!!!!
ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร แต่ ลอว์ ไม่รู้เรื่องนั้นในขณะนั้น แฟนยูไนเต็ด พบายามบุกลงสนามหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงที่ ลอว์ กำลังจะเดินออกจากสนามช่วงที่เขาถูกเปลี่ยนตัวออก
ลอว์ อาจจะจากไป แต่ความสุดยอดและตำนานไม่จางหาย ท่านยังคงอยู่ที่หน้าสนามยืนตระหง่าน ขนาบข้างโดย จอร์จ เบสต์ และเซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
ลมหายใจสุดท้าย the trinity อาจจะหายไปแล้ว แต่ใครจะกล้าลืมยอดเกมรุกทั้ง 3 คนนี้ได้
ทั้งสามท่านนี้เป็น 3 แนวรุกเพียงกลุ่มเดียวในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ที่สามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์มาได้ในขณะที่เล่นให้ทีมเดียวกัน
• เดนิส ลอว์ - 1964
• บ็อบบี้ ชาร์ลตัน - 1966
• จอร์จ เบสต์ - 1968
Rest in peace to the last of the trinity หลับให้สบายนะตำนาน
ตรีเอกานุภาพกลับมารวมกันอีกครั้งที่ใดสักแห่ง….บนโลกใบนี้
#บีแหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี