นับเป็นหนึ่งในเกมแห่งฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก

เกมระหว่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เมื่อเดือนกันยายน 2024 ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม นี่คือเกมระหว่างสองทีมที่ไล่ล่าแชมป์ “อย่างเป็นทางการ” และเป็น “ไฟท์บังคับ”

อาร์เซนอลขึ้นนำ 2-1 จากนั้นเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อ เลอันโดร ทรอสซาร์ โดนไล่ออก แล้ว ซิตี้ ก็บุกหนัก แต่ อาร์เซนอล ก็ต้านทานและประคองสถานการณ์ได้ยอดเยี่ยม

อย่างไรก็ดี การโจมตีระลอกแล้วระลอกเล่า สุดท้ายทำนบแตก เมื่อ จอห์น สโตนส์ พังประตูตีเสมอในช่วงวินาทีสุดท้ายและคว้าแต้มสำคัญได้สำเร็จ

เกมจบ 2-2 แต่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น!!!

เออร์ลิง ฮาลันด์ ขว้างบอลไปที่ศีรษะของ กาเบรียล มากัลเญส ในช่วงที่ สโตนส์ ทำประตู และเมื่อเสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้น ฮาลันด์ เดินไปบอกกับ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซนอลว่า "stay humble"

หมายถึง "อย่าเหลิง" หมายถึงให้มึงอ่ะ "เจียมตัว"

ช่วงเวลาดังกล่าวกลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ สโตนส์ กับ ไคล์ วอล์คเกอร์ กล่าวหา แกงค์กันเนอร์ส ว่าใช้ฟุตบอลในสไตล์ "ศาสตร์มืด" ในการให้สัมภาษณ์หลังเกม

เกมนั้นเดือดทั้งเกม สำคัญที่สุดก็คือ ซิตี้ เจอกับรอยต่อสำคัญของซีซั่น เมื่อ “โรดรี้” กองกลางคนสำคัญของแมนฯ ซิตี้ ได้รับบาดเจ็บจนต้องพักตลอดฤดูกาล

.......ก่อนเริ่มเกมนัดดังกล่าว ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งเป็นแชมป์เก่า 4 ฤดูกาลติดต่อกัน ยังไร้พ่าย เช่นเดียวกันกับ อาร์เซนอล ที่ยังไม่แพ้ใคร ทำให้ทุกคนโฟกัสไปว่า นี่คือการชิงชัยยกแรกของคู่ปะทะแย่งแชมป์

//////////

เมื่อเกมจบลงจบเกม แมนฯ ซิตี เก็บเพิ่มเป็น 13 แต้ม แซง ลิเวอร์พูล ขึ้นจ่าฝูง ขณะที่ อาร์เซนอล เก็บเพิ่มเป็น 11 แต้ม จาก 5 นัด อยู่อันดับ 4

อย่างไรก็ตาม 133 วันต่อมา สถานการณ์แตกต่างไปมาก เมื่อผ่าน 23 เกม

อาร์เซนอล เป็นรองจ่าฝูงก็จริง แต่ตามหลัง ลิเวอร์พูล 9 คะแนน

ซิตี้ ยิ่งแล้วใหญ่ เพิ่งมี 41 แต้ม ตามหลังไกลถึง 15 คะแนน

แม้สถานการณ์จะต่าง แต่เกมรีแมตช์คู่นี้ หลายคนยังคงรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ท่ามกลางความตึงเครียด ในห้องแถลงข่าวกับคำว่า “จงถ่อมตัว”

ในการแถลงข่าวก่อนเกม กวาร์ดิโอล่า ปกป้อง ฮาลันด์ สำหรับคำพูดที่ว่า "จงถ่อมตัว" ของเขา

คำพูดดังกล่าวถูกใช้กับฮาลันด์ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยแฟนบอลคู่แข่งที่สนุกสนานกับฤดูกาลที่มีปัญหาของ แมนฯ ซิตี้ ได้หันกลับมาสนใจเขาอีกครั้ง เพราะหลังจากคำนี้หลุดออกมา ปรากฎว่า ซิตี้ ดิ่งเหวทันที

ชนะเพียงนัดเดียวจาก 13 นัดในทุกรายการ

เมื่อเห็นว่า ฮาลันด์ ต้องเผชิญอะไรเป็นประจำทุกสัปดาห์ในพรีเมียร์ลีก กวาร์ดิโอล่า ยืนยันว่า สำหรับเออร์ลิงแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขารับมือได้

“อาร์เซนอลเป็นทีมที่เล่นแบบใช้ร่างกายหนักมาก ในทางที่ดีในหลายๆ ด้าน ซึ่งเกิดขึ้นตลอด 90 นาที กองหลังตัวกลางอย่าง กาเบรียล ผลักเขา(ฮาลันด์) พร้อมกับกระแทกเขา, กอดเขา และจูบเขา พรีเมียร์ลีกเป็นแบบนี้”

“คุณต้องยืนขึ้นและปกป้องตำแหน่งของคุณ และตอนนี้ผมถูกขอให้ตัดสินในสิ่งที่ ฮาลันด์ ทำ ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจ โดยเฉพาะช่วงท้ายเกมของฟุตบอลที่เต็มไปด้วยอารมณ์มาก สุดท้ายแล้ว ความเป็นมนุษย์ก็ต้องตอบสนอง”

“ผมก็แปลกใจที่ ฮาลันด์ ควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อย่างไรในทุกการกระทำ เขาถูกดึงออกจากเกม และผู้ตัดสินก็ให้เล่นต่อ เขาโดนใบเหลือแค่ 3 ใบจาก 50 กว่าเกม เขาประพฤติตัวได้ดีมาก เมื่อเขาถูกกระทำ”

//////////

เป๊ป ย้ำอีกว่า ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกี่ครั้ง แต่ ฮาลันด์ ไม่เคยบ่นเลย เขาประพฤติตัวได้ดีมาก และผมไม่ได้พูดถึงศาสตร์มืดนะ!!!

ฟากฝั่ง อาร์เซนอล กำลังตามหลังลูกทีมของอาร์เน่อ ชล็อต 9 คะแนน แต่รู้ดีว่าการพ่ายแพ้ต่อแมนฯ ซิตี้จะทำลายความหวังในการไล่ล่าตำแหน่งแชมป์

ตรงนี้แหล่ะ อาจจะนำพาไปสู่บรรยากาศที่ตึงเครียดที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

“ผมไม่ได้พูดถึงศาสตร์มืด" กวาร์ดิโอล่า ยืนยัน “ผมไม่เคยใช้คำนั้นในสื่อ มีผู้ตัดสินที่ต้องเข้ามาแทรกแซงเมื่อมันไม่ยุติธรรม”

“ผมรู้ดี ผมรู้จักผู้เล่นของผมและรู้ว่าพวกเขาประพฤติตัวอย่างไร แน่นอนว่าผมบ่นและแสดงความคิดเห็น แต่ผมคิดว่าเราเป็นทีมที่เล่นกันอย่างยุติธรรมมาก บางครั้งมันอาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ แต่เราประสบความสำเร็จในแบบนั้นและเราจะทำต่อไป”

ขณะที่ มิเกล อาร์เตต้า บอสใหญ่ปืน เคยเป็นผู้ช่วยของกวาร์ดิโอล่าที่แมนฯ ซิตี้ ก่อนที่เขาจะรับงานกับอาร์เซนอลในปี 2019

ทั้งสองคนยืนกรานว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปท่ามกลางความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ครั้งที่ปะทะกัน

“เราคงไม่ได้คุยโทรศัพท์คุยกัน ส่งข้อความหากันเท่าไหร่ เราต่างทำงาน” อาร์เตต้ากล่าว

“การปะทะคารม หรือเรื่องราวต่าง ๆ นั้น ตัวผมเองไม่ได้เอาอะไรมาใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม ตั้งแต่ผมเป็นนักเตะมา ทุกอย่างก็ยังคงอยู่ตรงนั้น เกมเต็มไปด้วยอารมณ์ ผมแค่ปล่อยมันไว้ข้าง ๆ แล้วก้าวต่อไป”

“นั่นคือสิ่งที่ควรเป็น และควรมีการปะทะกันบ้างในบางครั้ง และนั่นคือสิ่งที่ทุกคนจะนึกถึงเมื่อลงสนาม ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลหรือนักเตะ และบางทีสถานการณ์ มันอาจเพิ่มความตึงเครียดให้มากขึ้นด้วย”

เจ้าถิ่น อาร์เซน่อล เอาตัวรอดในสถานการณ์ที่เหลือผู้เล่น 10 คน ด้วยการบุกไปเฉือน วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 ทำให้ยังคงรั้งอันดับ 2 ของตาราง 23 เกม ชนะ 13 เสมอ 8 แพ้ 2 มี 47 คะแนน ส่วนกลางสัปดาห์บุกเอาชนะกิโรน่า 2-1 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

เกมนี้ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน กาเบรียล เชซุส, บูกาโย่ ซาก้า, เบน ไวท์ และทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ส่วนข่าวดีได้ มาร์ติน โอเดการ์ด กลับมาปั้นเกมรุก ส่วน ดาบิด ราย่า มีพลาดเกมล่าสุดต้องรอทดสอบความฟิตที่เหลืออยู่กันครบมาในระบบ 4-3-3 โธมัส ปาร์เตย์ กลับไปคุมแดนกลางร่วมกับ เดแคลน ไรซ์ โดยมี มาร์ตินโอเดการ์ด คอยปั้นเกมประสานงานกับสามแดนบนอย่าง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, ไค ฮาแวร์ตซ์ และ เลอันโดร ทรอสซาร์

ผู้มาเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รั้งอันดับ 4 ของตาราง กลับมาทำผลงานอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็นไม่แพ้ใครในลีกมา 6 เกมติด ชนะ 4 เสมอ 2 เปิดบ้านพลิกแซงเอาชนะ เชลซี 3-1 ส่วนกลางสัปดาห์เปิดบ้านแซง คลับบรูกก์ 3-1 ได้ลุ้นเพลย์ออฟในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

เกมนี้ยังไม่มี โรดรี้, เฌเรมี่ โดกู, รูเบน ดิอาส, ออสการ์ บ็อบบ์ และนาธาน อาเก้ ที่บาดเจ็บ นอกนั้นอยู่กันครบไม่มีปัญหาอะไร อยู่กันครบ มาในระบบ 4-2-3-1 อิลคาย กุนโดกาน คุมแดนกลางร่วมกับ มาเตโอ โควาซิซ วาง ฟิล โฟเด้น ประสานงานกับ เควิน เดอ บรอยน์ และโอมาร์ มาร์มูช โดยมี เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ ยืนเป็นหน้าเป้า

สถิติการเจอกัน แมนฯซิตี้ ไม่ชนะ อาร์เซน่อล มา 4 เกมติด เสมอ 3 แพ้ 1 ฤดูกาลนี้ยกแรกที่ เอติฮัต เสมอกันมา 2-2 ได้ประตูตีจาก จอห์น สโตนส์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 2-2

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีมอาร์เซน่อล (4-3-3) : ดาบิด ราย่า, เยอร์เรี่ยน ทิมเบอร์,วิลเลี่ยม ซาลิบา, กาเบรียล มากัลเญส, ริคคาร์โด้คาลาฟิออรี่, มาร์ติน โอเดการ์ด, โธมัส ปาร์เตย์, เดแคลน ไรซ์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, ไค ฮาแวร์ตซ์ และ เลอันโดรทรอสซาร์

แมนฯซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์ซอน, มาเตอุส นูเนส, จอห์น สโตนส์, มานูเอล อคานจี, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล,อิลคาน กุนโดกาน, มาเตโอ โควาซิซ, ฟิล โฟเด้น, เควิน เดอ บรอยน์, โอมาร์ มาร์มูช และเออร์ลิ่ง เบร้าท์ ฮาลันด์

สกอร์ที่คาด : อาร์เซน่อล 2-2 แมนฯซิตี้

บีแหลมสิงห์

- 006