การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่น่าจะเป็นที่จดจำเท่าไหร่ของสองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ที่พลาดท่าพ่ายพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
เกมบิ๊กแมทช์ ที่มหานครลอนดอน มิเกล อาร์เตต้า กุนซืออาร์เซน่อล รับเครดิตไปเลย 11 เต็ม 10 กับเกมนี้ เมื่อนำ “ปืนใหญ่”อาร์เซน่อล สยบ “เรือใบ” แมนฯซิตี้ แชมป์เก่า 4 สมัยซ้อนๆ เละเทะ 5-1
ในเกมที่ อาร์เซน่อล ต้องชนะ เพื่อไล่ตาม ลิเวอร์พูล เพื่อการลุ้นแชมป์ และชนะแบบนี้ ยิ่งกว่า 3 แต้มโดยแท้!!!
ยุทธวิธีก็คือ “ปืนใหญ่” เดินเครื่องด้วยการเล่นกดดันแดนบนอย่างต่อเนื่อง คือหัวใจ สู่การได้เปรียบตั้งแต่ 2 นาทีแรกที่ออกนำ และแผงกลางที่เล่นได้หนักหน่วง, แย่งบอลดุดัน พร้อมกับถึงลูกถึงคนทุกจังหวะ
ที่สำคัญคือ การกลับมาจากการถูกตีเสมอ 1-1 และยิงได้4 เม็ดติดๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยากมากในเกมใหญ่
อาร์เซน่อล ชนะได้เพราะตามแผนบนกระดาน สั่งให้เล่นชิงเหลี่ยมบอลแรก และการเข้าก่อนทุกครั้ง สถานการณ์ตัวต่อตัว พวกเขามีมาตรฐานเหนือกว่า แมนฯซิตี้
ที่น่าตกใจว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่ได้แก้ไขอะไรตามสถานการณ์เท่าไหร่เลย
เป๊ป คงตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นี่เป็นเพียงครั้งที่ 2 เท่านั้นในอาชีพผู้จัดการทีมของเป๊ปที่เขาเสียประตูถึง 5 ประตูในเกมเดียว แถมยังโดนเด็กยิงถึง 2 คน ก็คือ อีธาน วาเนรี 17 ปี 318 วัน และไมล์ส ลูอิส-สเคลลี 18 ปี 129 วัน สังหารประตู
ประเด็นคือ ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี ที่เขายิงประตูได้จากนั้นก็เลียนแบบท่าดีใจของ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์กองหน้าปีศาจของเรือใบ
เจอกันนัดที่แล้วเมื่อต้นซีซั่นซึ่งเสมอกัน 2-2 ช่วงปะทะคารมกัน ฮาลันด์ถาม ลูอิส-สเคลลี ว่า “เอ็งเป็นใคร(วะ)”
ตอนนี้คงทราบแล้ว...
สำคัญคือ ซิตี้ ที่การพ่ายแพ้ไม่ใช่ปัญหา แต่แพ้แบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ กองกลางยับมาก แก้ไม่ไหว
อาร์เตต้า ไม่แพ้ เป๊ป และทำให้โอกาสพลิกกลับมาล่าแชมป์แบบบ้าเลือดแบบ “เรือใบสไตล์” ได้จบลงแล้วครับ!!!!!
อาร์เซน่อล ถล่ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้5-1 แสดงให้ทุกคนเห็นว่าการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกยังคงไม่สิ้นสุด
ทีมจากลอนดอนเหนือไม่แพ้ใครมา 14 นัดในพรีเมียร์ลีกแล้ว และตามหลังลิเวอร์พูล อยู่ 6 คะแนน โดยแข่งมากกว่า 1 เกม
ฟากฝั่งของ “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกทะเลอีกครั้งเมื่อเล่นในบ้านตัวเอง คราวนี้แพ้กับ คริสตัล พาเลซ ไปแบบหมดสภาพ 0-2
เท่ากับว่า 4 เกมหลังสุด พาเลซ ชนะ 3 เสมอ 1 และไม่เสียประตูให้กับ ยูไนเต็ด เลยแม้แต่เมล็ดเดียว และทำให้ พาเลซ แซงหน้าทีมของรูเบน อโมริมขึ้นมาอยู่อันดับที่ 12 และเขี่ย แมนยูฯหล่นไปที่ 13
เกมแพลนของ รูเบน อโมริม เวลาต้องเล่นเกมรับแล้วไม่มีใครเถียงเลยว่า ทำได้ดีมาก แต่เวลาที่ต้องเล่นเกมรุก ต้องเรียกว่า “บ่มีไก๊”…ทำได้แย่มาก
ที่ผ่านมา อโมริม คุมทัพบอลลีกที่โปรตุเกส กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 75 นัด แพ้ 6 เกมเท่านั้น แต่คุม แมนฯยู 13 นัดแพ้ไปแล้วถึง 7 เกม
ทุกวันนี้ผ่านมาสองเดือนกว่าหลายคนยังสับสนตำแหน่ง ยืนกั๊กยืนโต๊ดกันมั่วไปหมดในแนวรุก
เข้าใจว่า จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิดแต่ตอนนี้มันผิดไปหมดจริงๆ ไม่ว่าจะปรับแท็กติกใดๆ ก็รังแต่มีความผิดพลาดนำหน้าอยู่เสมอ
นักบอลก็ด้วยเช่นกัน ทำบอลเสียไม่ไล่ ยืนงงไป 2-3 วินาที จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาวิ่งแบบไม่มีจุดหมาย ยังไงก็ต้องรับผิดชอบร่วม
สถิติมีไว้บันทึก...เล่นในบ้าน13 นัดแรกบอลลีกของซีซั่นนี้ของแมนฯ ยูไนเต็ด พวกเขาแพ้ไปถึง 7 ถือว่าแย่สุดตั้งแต่ปี 1893-94
อโมริม คุมทีมเตะบอลลีกไปแล้ว 13 นัด ชนะ 4 เสมอ 2 แพ้ 7 น่าสนใจก็คือ ตัวเลขที่แพ้ 7 นั่นมาจากแพ้คาบ้านถึง 5 เกม
ไม่มีสภาพครับแบบนี้ ไม่รู้ใครจะไปก่อนกัน เพราะเล่นในบ้านเหมือนกับเตะบอลไม่เป็น
เหลือเชื่อ และน่าผิดหวังจริงๆ
ยิ่งมาเสีย ลิซานโดร มาร์ติเนซไปอีกคน ยิ่งทำให้ท้องฟ้าที่นั่นหม่นหมอง ยิ่งกว่า PM2.5 แถวลุ่มน้ำเจ้าพระยาด้วยซ้ำไป!!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี