อย่างที่ผมบอกไว้ก่อนเกมว่า ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาแบบไหน เกมนี้จะเป็นตำนานตลอดไป นั่นคือ เมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้แมทช์ ที่สุดมันส์ และจบลงด้วยผลเสมอระหว่าง เอฟเวอร์ตัน กับ ลิเวอร์พูลที่ 2-2
4 ประเด็นนำเสนอหลังจากจบ 24 เกมครบทุกทีมเรียบร้อย
1.ในความเป็นเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้
ที่ท่านเห็น 1995 นั่นคือแฟนบอลนำไปขยี้แฟนเอฟเวอร์ตัน เพราะได้แชมป์สุดท้ายเมื่อปี 1995 หรือ 30 ปีที่แล้ว
ทั้งสองสโมสรต่างเป็นตัวแสบซึ่งกันและกันมาโดยตลอดหลายเวลา
เอฟเวอร์ตัน ย้ายออกจากแอนฟิลด์เมื่อปี 1892 จอร์จ มาห์น จากพรรคเสรีนิยม ชิงเก้าอี้มาจาก จอห์น โฮลดิ้งเจ้าของทีมจากพรรคอนุรักษ์นิยมทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นนักการเมืองท้องถิ่นทั้งคู่ แข่งกันในสนามการเมืองไม่พอยังมาชิงกันในเรื่องของฟุตบอลด้วยนี่มันเป็นมาตั้งแต่ยุคโน้นเลยเนาะ
แม้แนวคิดเรื่องนี้จะต่างกัน แต่ทั้ง จอห์น โฮลดิ้ง และ จอร์จ มาห์น เห็นพ้องต้องกันว่า เอฟเวอร์ตัน ควรดำเนินธุรกิจในฐานะ “บริษัทจำกัด” อย่างไรก็ตาม พอลงลึกเข้าไปในรายละเอียด สองคนนี้ก็คิดต่างกันอีก
โฮลดิ้ง อยากจะให้มี 12,000 หุ้น
ตรงกันข้าม มาห์น ต้องการให้หุ้นแค่ 500 หุ้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว
เมื่อสรุปกันไม่ได้ สโมสรจึงได้มีมติมีประชุมสามัญครั้งพิเศษ ในวันที่ 25 มกราคม 1892 ที่ลิเวอร์พูล คอลเลจ ในชอว์ สตรีท
หนนี้ข้อเสนอของ จอห์น โฮลดิ้ง เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และ จอร์จ มาห์น บอกว่า เอฟเวอร์ตัน จะต้องย้ายสนามไปยังที่ใหม่
“เรามีทุ่งหญ้าอันเขียวขจีรอเราอยู่”
“นั่นคือ The Mere Green Field ที่วอลตัน นั่นจะเป็นสนามใหม่ของเรา!!!!!”
เหมือนคนใจดำเพราะทิ้งให้สนามแอนฟิลด์ว่างเปล่า ทำให้โฮลดิ้งต้องก่อตั้งสโมสรขึ้นมาใหม่ ชื่อว่าลิเวอร์พูล
2 ปีให้หลัง เอฟเวอร์ตันเล่นเกมแรกเจอกับ ลิเวอร์พูล ที่สนามนี้ 13 ตุลาคม ปี 1894 ซึ่งเอฟเวอร์ตัน ชนะ 3-0
แต่จากนั้นเป็นต้นมาดูเหมือนว่า ทีมน้องที่ใส่เสื้อแดงจะโดดเด่นกว่าทีมพี่ที่ใส่เสื้อสีน้ำเงิน
ไม่เคยง่ายเมื่อเล่นที่นี่ 15 ปีหลังสุด ชนะ 4 ครั้ง เอฟเวอร์ตัน ชนะ 2 ที่เหลือเสมอถึง 9 นัด
245 ครั้งแมทช์ ทางการ ลิเวอร์พูล ชนะ 99 เสมอ 78 เอฟเวอร์ตัน ชนะ 68
ขออธิบายเรื่องครั้งสุดท้ายที่กูดิสัน ปาร์คนั้น เป็นการ “ย้ายสนาม” แต่ยังอยู่ในเมือง
ไม่ได้ย้ายเมืองอย่างที่หลายเพจจั่วลมนำเสนอ
เอฟเวอร์ตัน ไปอยู่ที่ท่าเรือแบรมลี่ย์ มอร์ ถนนรีเจนท์ เส้นเดียวกันกับ โรงแรมไททานิค ที่นักบอลลิเวอร์พูล พัก ตรงสแตนลี่ย์ ด็อค
จากศึก “จิ๊กโก๋กิโลเดียว” กลายเป็น “เกมจิ๊กโก๋สามโลเศษ”
จากเคยอยู่กันระหว่าง เซ็นทรัล ลาดพร้าว กับ ยูเนี่ยน มอลล์ ขยับไปเป็น ยูเนี่ยน มอลล์ กับ แยกสุทธิสาร
บันทึกเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้ของกูดิสัน พาร์ค 120 นัดตลอดกาล
เอฟเวอร์ตัน ชนะ : 41
เสมอ : 38
ลิเวอร์พูล ชนะ : 41
ลิเวอร์พูล ยิงได้ 149 เอฟเวอร์ตัน ยิงได้ 143
2.ผู้ตัดสิน ไมเคิล โอลิเวอร์
การทดเวลาเลยมา ถ้ามองกันตรงๆ คือโฟลโล่ วอเตอร์ ไม่ติดใจอะไรมากนัก แต่ที่ติดก็คือ.....มีปัญหาแน่นอน โดยเฉพาะลูกทดเจ็บ โมฮาเหม็ดซาลาห์ โดนเตะล้มก็ไม่เป่า
การแจกใบแดงหลังเกม ระหว่าง เคอร์ติส โจนส์ กับ ดูกูเร่ ถือว่าไม่แปลกเพราะเป็นต้นของเรื่อง ทั้งสองคนโดนใบเหลืองไปแล้วดังนั้นการที่โดนใบเหลืองอีกใบและเป็นใบแดงถือว่าไม่แปลก
แต่มันแปลกตรงแตกใบแดงให้กับอาร์เน่อ ชล็อต กุนซือของลิเวอร์พูลและผู้ช่วยในทันทีซึ่งต้องดูตามรายงานอีกครั้งหนึ่งว่าพูดอะไร
ถ้าจะมองกรณีการจับมือหรือว่าบีบมือผู้ตัดสินก่อนหน้านี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่ากุนซือแมนฯซิตี้ เคยทำกับ ไมเคิล โอลิเวอร์มาแล้วก็ไม่โดนลงโทษอะไรแต่ครั้งนี้ให้ใบแดงเหมือนมีนัยสำคัญหรือว่าไฟธาตุแตก
ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเหตุสำคัญที่ ฟาน ไดจ์ค เจ็บหนักในซีซั่น 2020-21 โอลิเวอร์ กับ เดวิด คูต ก็เอาหูไปนา เอาตาไปถั่ว และก็แมทช์ เฌเรมี่ โดกู ประทับรอยเท้าใส่แทบจะยอดอกของอเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ แต่ไม่ได้จุดโทษในนาทีสุดท้่ายเกมลีกที่แอนฟิลด์ เมื่อปีก่อน
3.ใบแดงของ อาร์เน่อ
อาร์เน่อ ชล็อต กุนซือลิเวอร์พูล และผู้ช่วยซิปเก้ ฮูลชอฟฟ์ ก็โดนใบแดงโดยตรงจากการเข้าไปพูดอะไรบางอย่าง ในระหว่างการเช็คแฮนด์ กับ โอลิเวอร์ โดย ลิเวอร์พูล ยืนกรานว่าลูกยิงตีเสมอของทาร์คอฟสกี้ควรจะต้องถูกตัดสินว่าไม่ได้ยิง
เพราะเป็นการผลักคู่แข่ง รวมไปถึงการทดเจ็บ 5 นาทีที่เกินไปอีกถึง 3 นาทีหลังจากนักบอลเอฟเวอร์ตัน ปะทะกันเองแล้วเจ็บ ซึ่งมันเกิดขึ้นในนาทีที่ 94.47 และ โอลิเวอร์ ตัดสินใจให้เวลาเพิ่มไปอีก 2 นาที จึงเป็นชนวน
ลิเวอร์พูลมีสิทธิ์อุทธรณ์แต่ถ้าอุทธรณ์ไม่ผ่านจะโดนแบน 2 เกมทำให้ จอนนี่ ไฮติก้า จะต้องรับหน้าที่คุมทีมบนทัชไลน์
4.ภาพชัดเจนของพรีเมียร์ลีก
จบเกมนี้ทำให้ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลงเล่นไป 24 เกมเท่ากันทั้ง 20 ทีม
ลิเวอร์พูล นำจ่าฝูงด้วย 57 คะแนน ขยับช่องว่างที่ห่างจาก อาร์เซน่อล ไปแล้ว 7 คะแนน โดยเหลือการแข่งขันอีก 14 เกม ส่วน เอฟเวอร์ตัน มี 27 คะแนน หนีโซนตกชั้นได้แล้ว 10 แต้ม
อาร์เซน่อล จะเตะก่อนในวันเสาร์นี้ เวลา 19.30 น. ด้วยการไปเยือน คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ของ “สุนัขจิ้งจอก”เลสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังหนีตกชั้น
ขณะที่ ลิเวอร์พูล จะเฝ้าบ้านพบกับ “หมาป่า” วูล์ฟส์ที่กำลังหนีตายเช่นกัน ในวันอาทิตย์นี้เวลาสามทุ่มตรง
ลุ้นกันต่อไป ไม่มีอะไรจบง่ายหรือได้กันง่ายแน่นอน!!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี