เหลือเวลาอีกเพียงเดือนเศษๆ การเลือกตั้งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย คนใหม่กำลังจะเกิดขึ้น
แน่นอนว่า นี่คือครั้งประวัติศาสตร์จะเป็นผู้นำนาวาแห่งบ้านอัมพวัน คนที่ 8 และเป็นลำดับที่ 21
จะเป็นคนแรกที่เป็น “พลเรือน” ในรอบ60 ปี และเป็นคนที่ 2 ต่อจาก อำมาตย์เอก พระยาจินดารักษ์ (จำลอง สวัสดิ์-ชูโต) ที่เป็นประธานคนแรก ตั้งแต่ปี 2491 และนั่งเก้าอี้อยู่ 4 สมัย จนถึงปี 2508
ที่เหลือเรียงลำดับไหล่มานั้นเป็นระดับ “จอมพล” หรือ “นายพล” ทั้งหมด!!!!
หลังจากที่มีการ “หักเหลี่ยมเฉือนคม” ในการชิงชัยสนามเลือกตั้งของ “บิ๊กป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จบลงด้วยความพ่ายแพ้ทั้งสองศึกใหญ่
เริ่มจากในสนามเลือกตั้งระดับประเทศกับพรรคพลังประชารัฐ
ด้วยสภาพขุนพลพ่ายของ “บิ๊กป้อม” ที่หมายมั่นว่า อาจจะต้องใช้สโลแกนเพื่อนรักอย่าง “ลุงตู่อยู่ต่อ” หรือว่า “ลุงป้อมอยู่นี่” ที่บ้านอัมพวัน ให้เป็น “ที่มั่นสุดท้าย”
กลับกลายเป็นว่า ต้องมาแพ้พ่ายและเสียเก้าอี้นายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำฯไปแบบไม่ทัน “หาบันไดลง” แต่หลายคนบอกว่า “หล่นจากหน้าต่าง”
มันเป็นการ “ปิดฉาก” เส้นทางกีฬาของเจ้าของวลีเด็ด “ผมไม่รู้” แทบจะทุกประตู
ทีนี้ใครจะมานั่งตำแหน่งตรงนี้น่าสนใจยิ่ง เพราะประกาศออกมาชัดเจนนั่นคือ “บิ๊กเอ” พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโด กับ สุชัย พรชัยศักดิ์อุดม ดำรงตำแหน่งนายกเทนนิสไทย
ผศ.พิมลถือเป็นฮีโร่สำหรับคนไทยทั้งประเทศ หลังสร้างความสุข ด้วยผลงานเหรียญทอง 2 สมัย ในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ และเป็นรองประธานสหพันธ์เทควันโดโลก และกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ประธานที่ปรึกษานโยบายด้านกีฬา พรรคเพื่อไทย
ขณะที่ สุชัย ก้าวมาจากวงการมวย และมานั่งบริหารเทนนิสได้เป็นสมัยที่ 2 พร้อมเปิดตัวทีมบริหารชัดเจนไม่แพ้กันว่า เบื้องหลังก็เชื่อมโยงกับพรรคเพื่อไทย เพราะ “ถ้าได้” จะมีรองประธานชื่อ พิชัย ชุณหวชิร นายกมวยฯ และฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาร่วมคณะ
ทั้งสองคนต่างมี “คนในบ้านอัมพวัน” อยู่ในคณะทำงานตามที่ “เป็นข่าว” โดยเฉพาะสุชัย ที่เปิดตัว ดร.สีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ รองเลขาธิการคณกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และนายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทยฯ ก็ชัดเจนว่า นี่คือสายพลัง(งาน)ของแท้
การชิงชัยตำแหน่งครั้งนี้ มิเพียงแต่ชัยชนะในเรื่องกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกบานใหญ่ที่จะสะท้อนความสัมพันธ์ในเชิงลึกของคนทั้งวงการกีฬา และเลี่ยงหลีกไม่ได้กับ “สายการเมือง” เหนือสิ่งอื่นใด “หน้าฉาก” และ “หลังฉาก” หรือ “หน้าบ้าน” กับ “ผู้ปัดกวาดหลังบ้าน” จะต้องทุ่มเททั้งองคาพยพ
เพราะถึงเวลคนยุคใหม่ คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง เพื่อยกระดับวงการกีฬาไทยสู่มาตรฐานสากล สำคัญคือ เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับ ยิ่งถ้าเป็นระดับโลกตามที่หลายคนต้องการยิ่งน่าสนใจ
ยิ่งเมื่อสิ้นยุคของ “บิ๊กจา” พลตรีจารึก อารีราชการัณย์ ประธานกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ และเลขาฯโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ถึงแก่อนิจกรรมไปเมื่อ 2 ปีก่อน ยิ่งทำให้ “ทิศทาง” ที่เคยไปทางเดียวในยุคก่อนหน้านั้น
อาจจะบอกว่า “พร้อมแตกแถว” ในยุคปัจจุบันนี้เลยก็ว่าได้
น่าสนใจก็คือ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา อีกหนึ่งคนที่อยู่ในหน้าข่าว และ “น่าจะ” เป็นหนึ่งใน “แคนดิเดต” ลงสมัครในครั้งนี้ก็คือ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูลว่าพร้อมจะลงสมัครหรือ ไม่
มีการให้สัมภาษณ์ในงานเลี้ยงประจำปีของสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ เกี่ยวกับการตัดสินใจว่า จะลงสมัครหรือเปล่า?!?!?!?
คุณหญิง ตอบอย่างน่าสนใจว่า ต้องขึ้นอยู่กับสโมสรสมาชิก ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดว่า เล็งเห็นอย่างไร หากคิดเห็นว่า อยากให้ทำหน้าที่ตรงนี้ ก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ เพื่อช่วยสร้างประโยชน์ให้กับวงการกีฬาไทยสูงสุด
“ตามธรรมนูญของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ไม่เหมือนของไอโอซี เพราะ ไอโอซี ที่จำเป็นต้องไปยื่นใบสมัคร ตรวจสอบประวัติผู้สมัครอย่างละเอียดจากองค์กรกลางอิสระ, ประกาศชื่อแคนดิเดต ก่อนจะเข้าสู่การเลือกตั้งแต่โอลิมปิคไทยฯ จะใช้วิธีการเสนอชื่อในวันประชุมใหญ่ ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องยื่นใบสมัครหรือประกาศตัวว่าจะลงชิงตำแหน่งประธานโอลิมปิคไทยฯ แต่อย่างใด”คุณหญิง ระบุถึงกฎที่หลายคนอาจ “ไม่รู้”
ปัจจุบัน คุณหญิงปัทมา ที่ได้รับฉายาจากสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ว่า “นางพญาโอลิมปิก” ทำงานอยู่หลากหลายมิติ แต่ในวงการกีฬานั้น ถือเป็น “แถวหน้า”และเป็น “ระดับโลก” ทั้งนั้น
เป็นกรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล(IOC) ไอโอซีเมมเบอร์, ประธานคณะกรรมาธิการด้านวัฒนธรรมและมรดกโอลิมปิก(IOC), รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF), นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาชิกคณะกรรมการบริหารสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA)
นอกจากนี้ ก็ยังได้รับทาบทามให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกเป็น ประธานโอลิมปิกคนใหม่ (ซึ่งคุณหญิงปฏิเสธ) รวมไปถึงถูกทาบทามให้เป็น ประธานแบดมินตันโลก อีกด้วย
ที่สำคัญก็คือ คุณหญิงได้รับการไว้วางใจจาก แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้เป็นที่ปรึกษาจัดซีเกมส์ 2025 และได้รับการแต่งตั้งจากภาครัฐบาลให้เป็นที่ปรึกษาในการบิดเป็นเจ้าภาพยูธ โอลิมปิกเกมส์ 2030
ด้วยบทบาทหลากมิติตรงนี้ ทำให้คุณหญิงปัทมา เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจขึ้นมาในทันที เพราะความสามารถที่ได้รับการยอมรับทั้งในระดับสากล พร้อมกับเป็นผู้มีวิสัยทัศน์สร้างความเชื่อมโยงระหว่างกีฬา, การบริหารจัดการ และศิลปวัฒนธรรม
การตอบคำถามครั้งนี้ของ “คุณหญิงปัทมา” ถือเป็นแรงกระเพื่อมครั้งสำคัญ ให้ได้ตีความและให้รู้เลยว่า “พร้อมทำงาน” และอยู่ที่ว่า ใครอยากให้ทำงานหรือไม่อย่างไร
การเลือกตั้งหนนี้ไม่ได้อาจจะ“ลุกเป็นไฟ” แต่ “น่าสนใจยิ่ง” เมื่อผู้บริหารวงการกีฬาที่มีความสามารถมาร่วมชิงชัย แน่นอนที่สุด ทุกคนไม่ต้องการเห็นผลประโยชน์แอบแฝง แต่ต้องการความทุ่มเท ความจริงใจ คามเชื่อมั่น พร้อมกับการได้รับการยอมรับจากไทยและเทศ
ลองคิดกันเล่นๆ ว่า หากคุณเป็น35 ตัวแทน ที่ได้เข้าคูหากาประธานโอลิมปิคฯคุณจะเลือกใครดี
ก.“ทองโทน” อย่าง ผศ.พิมล
ข.สายพลัง (งาน) อย่าง สุชัย
ค.คอนเนคชั่นระดับโลกอย่าง “นางพญาโอลิมปิก” คุณหญิงปัทมา
ยกเว้น ง.ถูกทุกข้อ...ห้ามกา!!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี