“ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ทดสอบสนามใหม่ที่แบรมลี่ย์-มัวร์ ด๊อค หรือ “เอฟเวอร์ตัน สเตเดี้ยม” อย่างเป็นทางการ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเปิดโอกาสให้แฟนบอลผู้โชคดี รวมทั้งสิ้น 10,000 คน ที่เข้ามาชมการแข่งขัน
แมตช์กระชับมิตรสำหรับทีมอายุต่ำกว่า 18 ปี ระหว่าง เอฟเวอร์ตัน เจอกับ วีแกน แอธเลติค
สโมสรแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 4 ปีและมีค่าใช้จ่ายโดยประมาณกว่า 750 ล้านปอนด์ และจะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการในช่วงฤดูร้อนนี้ เพื่อเตรียมการสำหรับฤดูกาล 2025-26
สนามกูดิสัน พาร์ค ที่กำลังจะอำลานั้น รายล้อมไปด้วยบ้านเรือนแบบสไตล์วิกตอเรียน แต่สนามใหม่จะแตกต่างออกไป โดยมีตาข่ายเหล็กและอิฐแดงขนาดใหญ่ที่ล้ำยุค ซึ่งผสมผสานความเก่าและความใหม่เข้าด้วยกัน
มีผับ Bramley Moore ที่อยู่ตรงข้ามสนาม ซึ่งแฟนบอลชุดแรกนี้ได้เข้าไปดื่มด่ำก่อนเกม โดยผับได้เปิดเพลง I Guess That's Why They Call It the Blues ของ “ป้าแอ๊ว” Elton John ดังกระหึ่ม
“ผมอยากจะบอกว่า มันเหนือโลกจริงๆ” แอนดี้ หนึ่งในผู้ถือตั๋วเข้าชมตลอดฤดูกาลของ เอฟเวอร์ตัน กล่าว “เราไม่สามารถขอสนามกีฬาที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้ว ทุกคนต่างก็ตื่นเต้น ทั้งคนแก่และคนหนุ่ม
“การออกจากกูดิสัน พาร์ค อาจจะเป็นเรื่องน่าปวดหัว แต่เมื่อคุณเห็นสิ่งนี้ ทุกคนจะต้องอิจฉาแน่นอน” แอนดี้ กล่าวอีก
“มันน่าทึ่งมาก” เดฟ ผู้ถือตั๋วฤดูกาลอีกคนของกูดิสัน ที่จะเดินทางไปที่แบรมลีย์-มัวร์ในปีหน้ากล่าว “กูดิสันเป็นบ้านทางจิตวิญญาณของเรา แต่คุณไม่มีอะไรจะตำหนิได้ มันทำให้เราได้สัมผัสกับสิ่งที่ดีที่สุด”
สนามนี้ตั้งอยู่ในท่าเทียบเรือที่ยังใช้งานได้ ท่าเทียบเรือแห่งนี้ถูกถมจนเต็มภายในระยะเวลา 3 เดือน โดยเรือขุดทรายขนมาถมไปกลับ 130 รอบ รวม 20 ไมล์ลงไปในทะเลไอริช เพื่อรวบรวมทราย 480,000 ลูกบาศก์เมตร จากนั้นจึงสูบทรายเหล่านี้เข้าไปเพื่อสร้างฐานรากของสนามกีฬา
สนามที่มีความจุ 52,888 ที่นั่งแห่งนี้จะเป็นสนามที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ในพรีเมียร์ลีก และได้รับเลือกให้จัดการแข่งขันในศึกยูโร 2028 โดย เอฟเวอร์ตัน หวังว่าโครงการนี้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจในท้องถิ่นได้ประมาณ 1.3 พันล้านปอนด์
มีการย้อนอดีตอยู่ทุกที่ รางรถไฟเก่าและหอส่งน้ำแบบวิกตอเรียนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอาคารอนุรักษ์ระดับ 2 ณ ที่แห่งนี้ ได้รับการบูรณะอย่างพิถีพิถัน การออกแบบโครงตาข่ายโดยสถาปนิกชาวสก็อตแลนด์ชื่อดัง อย่าง อาร์ชิบัลด์ เลตช์ โดย 2 จาก 4 ฝั่งอัฒจันทร์ที่กูดิสัน พาร์ค ได้มีการนำอิฐมาสร้างเป็นผนังกั้น
อัฒจันทร์เพียงอัฒจันทร์เดียวที่เปิดให้เข้าชมเกมในคืนนี้ คืออัฒจันทร์ด้านใต้ที่มีชั้นสูงชัน ซึ่งจะจุคนได้ถึง 14,000 คน ด้านในมีแผงขายอาหารและเครื่องดื่มเรียงรายเป็นแถว คุณสามารถหาอาหารในสนามฟุตบอลแบบมาตรฐานได้
รายงานบอกว่า พาย 3 รสชาติขายดี นอกจากนี้ ยังมีเมนูไก่สไตล์เกาหลี และแซนด์วิชไก่พริกไทยดำ
นอกจากนี้ “โดนัททอฟฟี่” ยังขายดีอีกด้วย โดยเห็นได้จากจำนวนคนที่เดินไปมาโดยมีคราบน้ำตาลไอซิ่งสีน้ำเงินติดอยู่ที่ริมฝีปาก
“เป็นช่วงเวลาที่น่าขนลุก” ทอม ซึ่งเซ็นสัญญาซื้อตั๋วเข้าชมฤดูกาลหน้าพร้อมกับเอลเลียต ลูกชายของเขา กล่าว “สนามกูดิสัน พาร์คเป็นสนามที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ถึงเวลาต้องย้ายแล้ว”
สิ่งแรกที่คุณสังเกตเห็นคือความลาดชันของอัฒจันทร์ ซึ่งมีความลาดชันมากที่สุดเท่าที่กฎข้อบังคับจะอนุญาต เพื่อให้แฟนบอลอยู่ใกล้สนามมากที่สุด
มีจอทีวีขนาดใหญ่สองจอที่ปลายสนามแต่ละด้าน พร้อมด้วยระบบ PA ที่เสียงดังอย่างเหลือเชื่อ คุณอาจได้ยินมันข้ามฝั่งแม่น้ำเมอร์ซีย์ไปยังแม่น้ำไวร์รัล ก็เป็นได้
นักเตะลงสนามพร้อมกับธีมจากรายการทีวี Z-Cars ในยุค 1960 ซึ่งพวกเขาทำที่กูดิสัน ปาร์คมาเป็นเวลากว่า 50 ปี เป็นการย้อนอดีตอีกครั้งโดยสวมเสื้อผ้าล้ำยุค
ขณะที่ในเกมการแข่งขัน แฮร์ริสัน ริมเมอร์ นักเตะของวีแกน ซึ่งเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลตั้งแต่วัยเด็ก กลายเป็นผู้ยิงประตูแรกได้ในสนามแห่งใหม่นี้ หลังจากเกมผ่านไปแค่ 12 นาที
เขาใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่าที่สุดด้วยการชู 6 นิ้ว ซึ่งหมายถึงแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 6 สมัยของลิเวอร์พูล ไปยังแฟนบอล!!!!!!!
โคล ซิมม์ส ทำประตูให้ทีมวีแกนขึ้นนำ 2-0 ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ขณะที่เอฟเวอร์ตัน จูเนียร์ มาตีไข่แตกจากลูกจุดโทษของ เรย์ โรเบิร์ต วัย 16 ปี
แต่นั่นก็หมายว่า นี่คือนักบอลเอฟเวอร์ตัน คนแรก
ที่ยิงประตูได้ในสนามใหม่ของชาวเอฟเวอร์โตเนี่ยน!!!!!
#บีแหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี