ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เดินทางมาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกแรก ลงเล่นในเวลาเดียวกัน 03.00 น. คู่เอกสำหรับค่ำคืนวันอังคารที่ 4 มีนาคม 2568 เป็นศึกสายเลือดของสองทีมดังแห่งกรุงมาดริด ประเทศสเปน หรือ El Derbi Madrileño ระหว่าง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด จะเปิดซานติอาโก เบอร์นาบิว ต้อนรับการมาเยือน “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด 

เจ้าถิ่น เรอัล แชมป์เก่า และแชมป์ 15 สมัย ผลงานในรอบลีกเฟสไม่ค่อยดีจบอันดับ 11 ทำให้ต้องไปเพลย์ออฟ ก่อนจะเอาชนะ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบไปกลับด้วยสกอร์รวม 6-3 ทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ เพิ่งจะพลาดท่าพ่ายให้กับ เรอัล เบติส 1-2 ในลาลีกาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 

เกมนี้ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน จู๊ด เบลลิ่งแฮม จอมทัพคนสำคัญที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบโควตา รวมไปถึง เอแดร์มิลิเตา, ดานี่ การ์บาฆาล และดานี่ เซบาญอส ที่บาดเจ็บด้วย ส่วน ลูคัสบาซเกซ กลับมาแล้ว แต่น่าจะต้องหลีกทางให้กับ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้หลังทำหน้าที่แบ๊กขวาได้ดี ออเลเรียง ชูอาเมนี่ จะกลับมาคุมแดนกลางร่วมกับ เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า โดยมี โรดริโก้, บราฮิมดิอาซ, วินิซิอุส จูเนียร์ และคีลิยัน เอ็มบัปเป้ ประสานงานเกมรุก   

ฝั่ง แอต.มาดริด  ผ่านเข้ารอบมาแบบอัตโนมัติด้วยการจบอันดับ 5 ของตาราง จากผลงานชนะ 6 แพ้ 2 ล่าสุดในลีกเฉือน แอธเลติก บิลเบา 1-0 เกมนี้จะไม่มีเซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แนวรับจอมเก๋าที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขา รวมไปถึงโกเก้ที่มีปัญหาในจุดเดียวกัน นอกนั้นไม่มีอะไรต้องกังวลอยู่กันครบ “เอล โชโล่” เตรียมจัดทัพในระบบ 4-4-2 นำโดยคู่หอก อองตวน กรีซมันน์ และฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ขณะที่ โรดริโก้ เดอ ปอล เดินเกมกับ ปาโบล บาร์ริออส และ จูเลียโน่ ซิเมโอเน่ ลูกชายของ “เอล โชโล่” คอยโซโล่อยู่ริมเส้นด้านขวา

สถิติการเจอกันของทั้งสองทีมดวลกันครั้งแรกตั้งแต่ 2 ธันวาคม 1906 มาจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 238 นัด เรอัล ชนะมากกว่า 116 เกม เสมอ 63 และแอต.มาดริด ชนะ 59 ในรายการนี้มาทั้งหมด 9 ครั้ง ปรากฏว่า เรอัล มาดริดชนะ 5 เสมอ 2 และ แอต.มาดริด ชนะ 2 ส่วนฤดูกาลนี้เจอกันในลีกมาครบ 2 เกม เสมอด้วยสกอร์เดียวกัน 1-1  

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม เรอัล มาดริด (4-2-3-1) : ตีโบต์ กูร์กตัวส์, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ราอูล อเซนซิโอ้, แฟร์กลองด์ เมนดี้,ออเรเลียง ชูอาเมนี่, เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า, โรดริโก้, บราฮิม ดิอาซ, วินิซิอุส จูเนียร์ และคีลิยัน เอ็มบัปเป้          

แอต.มาดริด (4-4-2) : ยาน โอบลัค,มาร์กอส ญอเรนเต้, โรบิน เลอ นอร์มองด์,โฆเซ่ มาเรีย ฆิเมเนซ, ฆาบี้ กาลาน, จูเลียโน่ ซิเมโอเน่, โรดริโก้ เดอ ปอล, ปาโบล บาร์ริออส,ซามูเอล ลีโน่, อองตวน กรีซมันน์ และฮูเลี่ยน อัลวาเรซ           

สกอร์ที่คาด : เรอัล มาดริด 1-1 แอต.มาดริด   

อีกคู่ในเวลา 03.00 น. เช่นกัน พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ของเนเธอร์แลนด์เปิดบ้านดวลกับ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล จากอังกฤษ  โดยเจ้าถิ่นภายใต้การคุมทีมของ ปีเตอร์ บอสซ์ จบอันดับ 14 ในรอบลีกเฟส ก่อนจะเพลย์ออฟ เอาชนะ “ม้าลาย” ยูเวนตุส ด้วยผลสกอร์รวมสองนัด 4-3 ชนิด ที่ต้องต่อเวลาพิเศษ ผลงานไม่ค่อยดีชนะแค่นัดเดียวจาก 5 เกมหลังสุด เกมนี้ขาดสองกองหน้าอย่าง มาลิค ทีลแมน และริคาร์โด้ เปปี้ ที่บาดเจ็บ ส่วน เมาโร จูเนียร์ ต้องรอทดสอบความฟิต ที่เหลือถือว่าพร้อมจัดทัพในระบบ 4-2-3-1 นำโดย เยอร์ดี้ เชาเท่น,โจอี้ เฟียร์มัน, โยฮัน บากาโยโก้, อิสมาเอล ไซบารี่, โนอา ลังก์ และลุค เดอ ยองก์  

ฝั่ง อาร์เซน่อล จบอันดับ 3 ในรอบลีกเฟส ในช่วงสุดสัปดาห์ไม่มีโปรแกรมลงเล่นได้พักมาเต็มๆ โดยเกมล่าสุดบุกไปเสมอกับ “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-0 เกมนี้ มิเกล อาร์เตต้า ยังเจอปัญหาเดิมคือไม่มีกองหน้าอาชีพ ไค ฮาแวร์ตซ์, กาเบรียล เชซุส, บูกาโย่ ซาก้า, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และกองหลังอย่าง ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ยังเดี้ยง อยู่ ทำให้ไม่มีทางเลือกบางนัก โดยแนวรุกคาดว่า อาร์เตต้า ต้องคิดสูตรในการเล่นแบบฟอลท์ไนน์ ขนาบข้างไปด้วย อีธาน เอ็นวาเนรี่ และเลอันโดร ทรอสซาร์ ส่วนสามแดนกลางใช้ชุดเดิม นำโดย มาร์ติน โอเดการ์ด, โธมัส ปาร์เตย์ และเดแคลน ไรซ์ 

สถิติการเจอกันของทั้งสองทีมทั้งหมด 10 ครั้ง อาร์เซน่อล เหนือกว่าชนะ 4 เสมอ 4 และพีเอสวีฯ ชนะ 2 

สกอร์ที่คาด : พีเอสวี 1-2 อาร์เซน่อล  

สำหรับโปรแกรมอีก 2 คู่วันเดียวกันเวลา 00.45 น. คลับ บรูกก์ ของเบลเยียม จะเปิดบ้านรับการมาเยือน “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า จากอังกฤษ และเวลา 03.00 น. “เสือเหลือง” โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ แห่งเยอรมนี จะเปิดบ้านรับการมาเยือน ลีลล์ จากฝรั่งเศส