การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เดินทางมาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกแรก ในค่ำคืนวันพุธที่ 5 มีนาคม 2025 มีลงฟาดแข้ง 4 คู่ เริ่มต้นในเวลา 00.45น. เฟเยนอร์ด จากเนเธอร์แลนด์ จะเปิดบ้านรับการมาเยือน “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน จากนั้นในเวลา 03.00 น.“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่คว้าแชมป์ในรอบลีกเฟส จะออกไปเยือนถิ่นพาร์ค เดอ แพร็งส์ ของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ที่จะเปิดบ้านรับการมาเยือน “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เป็นศึกสายเลือดดอยช์ลันด์ และ“เหยี่ยวลิสบอน” เบนฟิก้า ของโปรตุเกส จะเปิดบ้านรับการมาเยือน “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า จ่าฝูงลา ลีกา ทีมอันดับ 2 จากลีกเฟส
ในเกมที่ พาร์ค เดอ แพร็งส์ เจ้าถิ่น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นสโมสรเดียวใน 5 ลีกดังของยุโรปที่จะไม่แพ้ใครในเกมลีกฤดูกาลนี้ ด้วยผลงานชนะ 19 เสมอ 5 นำจ่าฝูงลีกเอิง ฝรั่งเศส แต่รายการนี้ฟอร์มก็ไม่ได้ดีเด่อะไร เพราะจบอันดับ 15 ในรอบลีก เฟส ก่อนจะเพลย์ออฟเอาชนะ แบรสต์ ทีมจากลีกเดียวกันไปแบบขาดลอยด้วยผลสกอร์รวมสองนัด 10-0
หลุยส์ เอ็นริเก้ ไม่มีใครเจ็บเพิ่ม เขาได้ให้สัมภาษณ์ยกย่องว่า ลิเวอร์พูล คือสโมสรที่ดีที่สุดในยุโรป ณ เวลานี้ และแน่นอนว่าต้องเป็นงานหนัก แต่ไม่เน้นเกมรับอย่างแน่นอน เตรียมใช้เกมรุกที่เป็นจุดเด่นเล่นงานผู้มาเยือน จัดทัพในระบบ 4-3-3 ฟาเบียน รุยซ์ คุมแดนกลางร่วมกับ วิตินญ่า และชูเอา เนเวส โดยมี ควิช่า ควารัตสเคเลีย, อุสมาน เดมเบเล่ และแบร๊ดลีย์ บาร์โคล่า เป็นสามประสานในเกมรุก
ฟากผู้มาเยือน ลิเวอร์พูล เจ้าของแชมป์ยุโรป 6 สมัย ผ่านเข้ารอบมาแบบอัตโนมัติด้วยการจบอันดับหนึ่งในรอบลีกเฟส ด้วยผลงานชนะ 7 แพ้ 1 เก็บได้ถึง 21 คะแนน ได้พักมาเต็ม ๆ เพราะสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีโปรแกรมลงเล่น ทีมของ อาร์เน่อ ชล็อต ไม่มีใครเจ็บเพิ่มเติม ที่เดี้ยงอยู่ตอนนี้คือ ไทเลอร์ มอร์ตัน, โจ โกเมซ และคอนอร์ แบร๊ดลีย์ ส่วน อมาร่า นัลโล่ แนวรับดาวรุ่งที่เดบิวต์ด้วยใบแดงในเกมนัดสุดท้ายที่พ่าย พีเอสวีฯ จะติดโทษแบน นอกนั้นอยู่กันครบ
ไรอัน กราเฟนแบร์ช และอเล็กซ์ แม็ค อัลลิสเตอร์ จองสัมปทานในแดนกลาง เกมรุกนำโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่จะประสานงานกับ โดมินิค โซโบสไล และตอนแรกจะเป็น โคดี้ กัคโป แต่ไปซ้อมเจ็บซ้ำจากการเข้าไปบล็อกบอล ทำให้แนวรุกฝั่งซ้ายต้องกลับไปใช้ หลุยส์ ดีอาซ และหน้าเป้าคือ ดีโอโก้ โชต้า
สถิติการเจอกันของทั้งสองทีมดวลกันมาทั้งหมด 4 ครั้ง ไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ ผลัดกันชนะไปฝั่งละ 2 หนล่าสุดคือรอบแบ่งกลุ่มของรายการนี้เมื่อปี 2018 ลิเวอร์พูล ชนะที่แอนฟิลด์ 3-2 จากประตูชัยของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และไปพ่ายที่ พาร์ค เดอ แพร็งส์ 1-2 อย่างไรก็ตามปีนั้นพวกเขาจบด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม
เปแอสเช (4-3-3) : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า, อาชราฟ ฮาคิมี่, มาร์ควินญอส, วิลเลี่ยม ปาโช่, นูโน่ เมนเดส, ฟาเบียน รุยซ์, วิตินญ่า, ชูเอา เนเวส, ควิช่า ควารัตสเคเลีย, อุสมาน เดมเบเล่ และแบร๊ดลีย์ บาร์โคล่า
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : อลิสซอน เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ไรอัน กราเฟนแบร์ช, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โดมินิค โซโบสไล, หลุยส์ ดิอาซ และดีโอโก้ โชต้า
“บีแหลมสิงห์”ฟันธง : เปแอสเช 1-2 ลิเวอร์พูล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี