นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานเปิดงาน ลงนามความร่วมมือความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายต่างประเทศ ในการพัฒนาหลักสูตรและเครือข่ายมวยไทยในต่างประเทศ การทำการตลาดมวยไทยและยกระดับ SOFT POWER มวยไทยสู่สากล เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568  ณ ห้องประชุมกษัตริย์ศึก 2 ชั้น 4 โรงแรมเดอะทวินทาวเวอร์ กรุงเทพมหานคร

พิธีลงนามความร่วมมือครั้งสำคัญครั้งนี้เพื่อผลักดัน SOFT POWER มวยไทยสู่เวทีโลกที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดย มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง, ภาคีเครือข่าย, ผู้ประกอบการค่ายมวย และตัวแทนจากสมาคมมวยชาวต่างชาติ, สมาคมเมต้าเวิร์สแห่งประเทศไทย ร่วมลงนามผลักดัน SOFT POWER มวยไทยสู่สากล และมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่หลงใหลในศิลปะการต่อสู้มวยไทย เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมแสดงพลังสนับสนุนมวยไทยในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมของไทยที่ได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ

พิธีลงนามในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง  มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง หน่วยบริหารจัดการทุนด้านการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ภายใต้การสนับสนุนของกองทุน ววว. สกสว. และภาคีเครือข่ายมวยไทยจาก 40 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมุ่งเน้นการขยายตลาดมวยไทยในระดับสากล รวมถึงพัฒนาหลักสูตรมาตรฐานมวยไทยในต่างประเทศ ต่อยอดการจัดแข่งขันและกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ตลอดจนส่งเสริมให้มวยไทยกลายเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมในระดับโลก
         
สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้มีกำหนดระยะเวลา 4 ปี โดยมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2568 ถึงวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2572 ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง หน่วยบริหารจัดการทุนด้านการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ภายใต้การสนับสนุนของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

จากการศึกษาวิจัยโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง (2567)   พบว่า นักท่องเที่ยวศิลปะการต่อสู้มวยไทย ให้ความสนใจกับสินค้าและบริการที่เชื่อมโยงกับมวยไทยจากประเทศไทยในฐานะของการเป็นต้นตำรับ และเจ้าของภูมิปัญญา อีกทั้งผลิตภัณฑ์ยังมีความสวยงาม มีเอกลักษณ์ แปลกใหม่ จึงสามารถดึงดูดความสนใจจากตลาดต่างประเทศได้นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายพำนักระยะยาวเพิ่มขึ้นจากการออกแบบการท่องเที่ยวเชื่อมโยงบนฐานอัตลักษณ์ท้องถิ่น 

คณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ซึ่งประกอบด้วย  ผศ.ดร.สัจจา ไกรศรรัตน์ อาจารย์ ดร.รุ่งนภา สิงห์สถิต อาจารย์ดร.บารมี ชูชัย และ อาจารย์ อาจารย์นัฏกร สุขเสริม  ได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ผ่านผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์บนฐานภูมิปัญญา และ วัฒนธรรม ที่เชื่อมโยงกับมวยไทย จึงเกิดการพัฒนาโครงการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวศิลปะการต่อสู้มวยไทยแบบบูรณาการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณค่าสูงและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ (บพข.) โดย สกสว กองทุน ววน

โดย อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้มวยไทยในตลาดโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลมาจากกระแสการหันมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้นแล้ว และมีการขยายฐานนักท่องเที่ยวไปสู่กลุ่มเด็กและเยาวชน ที่ได้รับอิทธิพลจากค่านิยมของชาวตะวันตกในการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะการป้องกันตัว (Martial art) ศิลปะการต่อสู้มวยไทยจึงได้รับความนิยมในกลุ่มเด็กและเยาวชนตามกระแสค่านิยมดังกล่าว ผนวกกับและนโยบายการส่งเสริม SOFT POWER พลังสร้างสรรค์มวยไทยเป็นสินค้าวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์และมีจุดแข็งที่สามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้าผ่านความคิดสร้างสรรค์ และ นำไปสู่การส่งออกสินค้าและบริการไทยที่มีมูลค่ามูลเพิ่มขึ้นได้ ทำให้ชาวต่างชาติได้เรียนรู้วัฒนธรรมและประเพณีของไทยส่งผลถึงความต้องการสินค้าไทย และเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นในแค่ละปี ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความสนใจให้ชาวต่างชาติหันมาสนใจสินค้าไทยมากขึ้น อุตสาหกรรมมวยไทยถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีผู้ประกอบการในเครือข่ายหลากหลาย มีบทบาททั้งในเชิงเศรษฐกิจ ของไทยและมีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอุตสาหกกรรมมวยไทยถือเป็นเครือข่ายที่มีบทบาททั้งในเชิงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศไทย โดยมูลค่าของมวยไทยทั้งในด้านกีฬาอาชีพ กีฬาเพื่อสุขภาพ สินค้าสนับสนุน สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี

ส่งผลให้อุตสาหกรรมมวยไทยซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศยังมีช่องว่างทางการตลาดที่มีศักยภาพและมีการโอกาสในการเติบโตคือ มวยไทยในบริบทของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ที่สามารถนำคลัสเตอร์มวยไทยมาพัฒนาต่อยอดสู่การท่องเที่ยวมวยไทย ทั้งนี้เนื่องจาก ศิลปะการต่อสู้มวยไทยสามารถนำมาเติมเต็ม ผสมผสานกับกิจกรรมการท่องเที่ยวอื่น ๆ สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวที่หลากหลาย อาทิ การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ เป็นต้น 

ด้วยเหตุผลนี้ เป็นโอกาสในการพัฒนาสินค้าและบริการที่เชื่อมโยงกับศิลปะการต่อสู้มวยไทยสำหรับผู้สนใจโดยเฉพาะ (Niche market)