การต่อสัญญาของ ซาลาห์ ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ
แต่มันเป็นเรื่องที่สมควรเป็นไปตามธรรมชาติ และตั้งนานแล้ว
มีผลต่อทั้งองคาพยพ
1.จังหวะดีเนื่องจากทีมกำลังฟอร์มไม่ดี 4 เกมหลังแพ้ไปถึง 3 นัด
2.จังหวะดีเนื่องจากอยู่ในช่วงรอยต่อสำคัญของฤดูกาล
3.คนสำคัญของทีมได้รับสัญญา มันส่งกำลังใจไปยังทีมทั้งหมด
ช่วงเวลาสำคัญในเรื่องราวสัญญาของ โม ซาลาห์ ถูกเผยแพร่ว่า เขาได้เซ็นสัญญา 2 ปีเพื่ออยู่กับลิเวอร์พูลจนถึงปี 2027 เมื่อวันศุกร์ 11 เมษายนที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเชื่อเรื่องโชคหรือเปล่าเพราะเปิดตัววันเดียวกับหมายเลขเสื้อเลย
ข่าวนี้เปิดเผยเมื่อเวลา 14:00 น. ตามเวลาของประเทศไทยซึ่งตรงกับ 8 โมงเช้าของอังกฤษ ยุติการคาดเดาหลายเดือนที่ว่า แกนรุกทีมชาติอียิปต์ อาจจะย้ายออกจากแอนฟิลด์
นี่คือไทม์ไลน์ของเหตุการณ์สำคัญในฤดูกาลแห่งการเจรจาสัญญา
1 ก.ย. 2024: ซาลาห์ บอกเป็นนัยหลังจากชัยชนะ 3-0 ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ว่า นี่อาจเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขาที่แอนฟิลด์ เพราะไม่มีใครในสโมสรคุยกับเขาเกี่ยวกับสัญญาฉบับใหม่
24 พ.ย. 2024: หลังจากยิงได้สองประตูในเกมที่ชนะเซาแธมป์ตัน 3-2 ซาลาห์อ้างว่าเขาอาจจะ "ไม่เล่น" กับลิเวอร์พูล อีก และยังไม่ได้รับข้อเสนอสัญญาอย่างเป็นทางการ
ในเวลานั้น ลิเวอร์พูลอ้างว่ามีการเจรจาในเชิงบวกกับตัวแทนของนักเตะ
3 ม.ค.2025 : ซาลาห์พูดต่อสาธารณะอีกครั้งเกี่ยวกับสถานการณ์สัญญาของเขาโดยกล่าวว่าทั้งสองฝ่าย "ยังห่างไกลจากความคืบหน้าใดๆ"
ทำให้ตกเป็นข่าวว่าจะย้ายไปซาอุดีอาระเบียอย่างต่อเนื่อง โดยลิเวอร์พูลปฏิเสธข้อเสนอ 150 ล้านปอนด์จากอัลอิตติฮัด สำหรับซาลาห์ในปี 2023
31 ม.ค.2025 : อาร์เน่ ชล็อต ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล กล่าวว่า เขาต้องการให้นักเตะอยู่ต่อ และซาลาห์ นั้น "ฉลาดพอที่จะตัดสินใจได้ถูกต้อง" เกี่ยวกับอนาคตของเขา
11 เม.ย.: ลิเวอร์พูล ประกาศ ซาลาห์เซ็นสัญญา 2 ปี
การที่ ซาลาห์ อยู่กับลิเวอร์พูลต่อไป คือความปรารถนาอันแน่วแน่ และแรงกล้า
ไม่ใช่แค่การตัดสินใจในเชิงฟุตบอลเท่านั้น แต่เขาพบสถานที่ของตัวเอง หรือจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนของชีวิตแล้ว…..
ผู้เล่นที่มีรายได้สูงในช่วงบั้นปลายอาชีพของพวกเขามีสัญญาที่ซับซ้อนมากในการแก้ไขจากของเดิม
แต่พูดตรงๆ ว่า ซาลาห์ ก็ไม่ต้องการการโน้มน้าวใจอะไรมากมายเพื่ออยู่กับลิเวอร์พูลต่อไป
ดังนั้นแอบแปลกใจที่หลายสื่อชื่นชมบอร์ดบริหาร ราวกับพวกเขาทำเหมือนว่า ซาลาห์ตัดสินใจที่จะไปและด้วยการเจรจาอันเป็นปาฏิหาริย์พวกเขาสามารถเปลี่ยนใจ ซาลาห์ ได้
ริชาร์ด ฮิวจ์ สมควรได้รับเครดิตในวันนี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำ
เพราะการจัดการเรื่องการขยายสัญญาถือเป็นส่วนที่ง่ายที่สุดของงานสำหรับผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาของทีมต่างๆ ทั่วโลก
ปกติมาก
ยิ่งการต้องขยายสัญญากับตำนานสโมสรที่อยากจะอยู่ต่อจริงๆ ยิ่งไปกันใหญ่
เอาเข้าจริง ก็ไม่ต้องให้เครดิตอะไรเยอะแยะมากนักเลย มันเป็นเพียงความสามารถขั้นพื้นฐานตามหน้าที่เท่านั้น
สิ่งที่พิสูจน์ในตอนนี้คือเข้าตลาดซะ แล้วไปซื้อนักเตะมา ถึงเวลานั้นได้รับเครดิตอีกเพียบไม่ต้องห่วง
แน่นอนที่สุดก็คือ น่าจะสร้างความฮึกเหิมให้กับทีมก่อนจะลงเล่นกับ เวสต์แฮม ในวันอาทิตย์นี้ ไม่มากก็น้อย เพราะ ลิเวอร์พูล ต้องการอีก 11 แต้มจาก 21 แต้ม กับ 7 เกมที่เหลือในซีซั่นนี้ก็จะเป็นแชมป์
มาที่โฟกัสหลักของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในคืนวันอาทิตย์ลงเล่นในเวลา 20.00น. จ่าฝูง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะเปิดถิ่นแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือน “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้เกมที่สองในลีกของฤดูกาลนี้ในการไปเยือน “เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม 3-2 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปัจจุบันมี 73 คะแนน จากการชนะ 22 เสมอ 7 แพ้ เกมนี้ยังไม่มี โจ โกเมซ และเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่บาดเจ็บ นอกนั้นอยู่กันครบ คาดว่า คอนอร์ แบร๊ดลีย์ จะประจำการแบ็คขวา ทำให้ เคอร์ติส โจนส์ ต้องนั่งสำรอง ส่วนแดนกลางยังคงใช้ ไรอัน กราเฟนแบร์ช จับคู่กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ โดยมี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่เพิ่งต่อสัญญาฉบับใหม่ไปอีก 2 ปี ประสานงานเกมรุกร่วมกับ โดมินิค โซโบสไล, หลุยส์ ดิอาซ และดีโอโก้ โชต้า
ทีมเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไม่ชนะใครมา 4 เกมติด เสมอ 2 แพ้ 2 ล่าสุดเปิดบ้านเจ๊า เอเอฟซี บอร์นมัธ 2-2 รั้งอันดับ 16 ของตารางค่อนข้างปลอดภัยเพราะมีแต้มห่างจากโซนตกชั้นถึง 15 คะแนน ทีมของ แกรห์ม พ็อตเตอร์ ยังไม่มี มิคาอิล อันโตนิโอ, คริสเซนซิโอ้ ซัมเมอร์วิลล์ และแอรอน แครสส์เวลล์ ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไร นำโดย เจมส์ วอร์ด-พราวส์, โทมัส ซูเซ็ค, จาร์ร็อด โบเว่น, ลูคัส ปาเกต้า, โมฮาเหม็ด คูดูส และนิคลาส ฟืลล์ครึก
ผลงานการเจอกันของทั้งสองทีม 152 ครั้งในทุกรายการ ลิเวอร์พูล ชนะ 85 เสมอ 38 เวสต์แฮม ชนะ 29 พวกเขาไม่แพ้ให้กับ เวสต์แฮม มา 8 เกมติด ชนะ 7 เสมอ 1
หนสุดท้ายที่แพ้คา แอนฟิลด์ ต้องย้อนกลับไปในปี 2015 โดนบุกมาถล่ม คารัง 3-0 ในยุคที่ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส คุมทีม ส่วน เวสต์แฮม คือกุนซือฮาร์ดร็อคอย่าง สลาเวน บิลิช
ฤดูกาลนี้เจอกันมา 2 ครั้ง ลีก คัพ รอบ 3 เปิดบ้านถล่ม 5-1 ในลีกบุกอัดที่ลอนดอน สเตเดี้ยม 5-0 แต่ในเวลานั้น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด คุมทีมโดย ฆูเลน โลเปเตกี
นอกจากนี้ โม ซาลาห์ ที่ไม่ยิงให้ ลิเวอร์พูล มา 4 เกมติด แต่สถิตส่วนตัวในการดวลกับ เวสต์แฮม ถือว่าถูกโฉลก 17 เกมในทุกรายการซัด 13 ประตู และ 5 แอสซิสต์ ถือว่าดีเป็นลำดับที่ 4 รองจากการดวลกับ แมนฯยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และแมนฯซิตี้
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : อลิสซอน เบ็คเกอร์, คอนอร์ แบร๊ดลีย์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ไรอัน กราเฟนแบร์ช, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โดมินิค โซโบสไล, หลุยส์ ดิอาซ และดีโอโก้ โชต้า
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : อัลฟองส์ อเรโอล่า, แอรอน วาน-บิสซาก้า, ฌอง-แคลร์ โตดิโบ้, แม็กซ์ คีลแมน, เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่, เจมส์ วอร์ด-พราวส์, โทมัส ซูเซ็ค, จาร์ร็อด โบเว่น, ลูคัส ปาเกต้า, โมฮาเหม็ด คูดูส และนิคลาส ฟืลล์ครึก
สกอร์ที่คาด: ลิเวอร์พูล 3-1 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
บีแหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี